อนาคตนวัตกรรมการเงินโลก หลัง ‘ทรัมป์’ผลักดันกองทุนสำรองบิตคอยน์ทางยุทธศาสตร์

การลงนามในคำสั่งจัดตั้ง “กองทุนสำรองบิตคอยน์ทางยุทธศาสตร์” (Strategic Bitcoin Reserve Fund) ของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางอนาคตของระบบการเงินโลก คำสั่งประธานาธิบดีฉบับนี้ไม่เพียงทำให้สหรัฐ กลายเป็นประเทศมหาอำนาจรายแรกที่รับรองสถานะของบิตคอยน์ในระดับนโยบายรัฐ แต่ยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทัศนคติของรัฐบาลต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อนวัตกรรมทางการเงินทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

⦁จากการต่อต้านสู่พันธมิตร: บริบทของนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐ
ย้อนกลับไปเพียงไม่กี่ปีก่อน สหรัฐอเมริกามีจุดยืนในเชิงลบต่อสินทรัพย์ดิจิทัล โดยหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง SEC มุ่งเน้นการคุ้มครองนักลงทุนและปราบปรามการกระทำผิดในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ในวาระที่สอง นโยบายของสหรัฐ ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองว่าสหรัฐควรเป็นผู้นำในการกำหนดทิศทางของเทคโนโลยีการเงินในอนาคต

กองทุนสำรองบิตคอยน์ทางยุทธศาสตร์มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับสหรัฐในยุคดิจิทัล โดยรัฐบาลจะทยอยซื้อและถือครองบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองเคียงคู่กับทองคำและเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นการยกระดับสถานะของบิตคอยน์จากเพียง “สินทรัพย์เก็งกำไร” สู่ “สินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์ระดับชาติ”

ADVERTISMENT

⦁รัฐไวโอมิงเตรียมออกสเตเบิลโทเคน ยกระดับการยอมรับคริปโทในระดับรัฐ
ในขณะที่สหรัฐกำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านนโยบายคริปโทเคอร์เรนซี มีความเคลื่อนไหวสำคัญจากรัฐไวโอมิง (Wyoming) ซึ่งประกาศแผนการออก “สเตเบิลโทเคน” ของตนเอง โดยอาจเป็นรัฐแรกที่ดำเนินการเช่นนี้ ผู้ว่าการรัฐไวโอมิง มาร์ค กอร์ดอน จากพรรครีพับลิกัน กล่าวที่งาน Digital Chamber DC Blockchain Summit ล่าสุดว่า “ไวโอมิงมีระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา เรามีรัฐบาลที่เข้าถึงได้อย่างเต็มที่ ปรับตัวได้เร็วและทำให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นได้จริง”

คณะกรรมการ Wyoming Stable Token ซึ่งจัดตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม 2023 ภายใต้ Wyoming Stable Token Act ได้อนุมัติการออก “Wyoming Stable Tokens” (WYST) และทดสอบโทเคนจะเริ่มขึ้นเร็วๆ นี้ โดยมีกำหนดเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม

ADVERTISMENT

โทเคนนี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงิน 1 ดอลลาร์ ที่เก็บไว้ในทรัสต์โดยรัฐ และเทียบเท่ากับคำว่าสเตเบิลคอยน์ตามเว็บไซต์ของคณะกรรมการ เงินทุนจากการออกโทเคนจะถูกนำไปไว้ในทรัสต์และ “จะลงทุนในเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเท่านั้น”

ไวโอมิงเป็นผู้นำด้านคริปโทมาหลายปี รัฐนี้ได้ออกกฎหมายหลายฉบับ รวมถึงฉบับที่ลงนามเป็นกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งให้สถานะทางกฎหมายแก่องค์กรอิสระแบบกระจายศูนย์ (DAOs) อีกฉบับหนึ่งอนุญาตให้บริษัทประกันลงทุนในบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ

“ไวโอมิงเป็นสถานที่ที่ผู้คนมาสร้างนวัตกรรม” กอร์ดอนกล่าว “เราไม่ชอบกฎระเบียบมากนัก เราเชื่อว่านวัตกรรมมีความสำคัญเหนือกฎระเบียบในทุกๆ โอกาส แต่เราก็ต้องมั่นใจว่าเรามีบทบาทที่สม่ำเสมอสำหรับโครงสร้างการกำกับดูแลที่เหมาะสมและโปร่งใส”

⦁นวัตกรรมทางการเงินที่จะได้รับแรงหนุน
การยอมรับบิตคอยน์ในระดับนโยบายรัฐและการริเริ่มของรัฐต่างๆ อย่างไวโอมิง จะเร่งให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินในหลายด้าน:

1.การเร่งพัฒนา CBDC และโทเคนของรัฐ: ธนาคารกลางและรัฐบาลท้องถิ่นทั่วโลกจะเร่งพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลและโทเคนของตนเอง ด้วยความกังวลหากไม่ปรับตัวอาจสูญเสียอำนาจในการกำหนดนโยบายการเงิน โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีโครงการศึกษาบาทดิจิทัลมาระยะหนึ่งแล้ว อาจเร่งผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเร็วขึ้น

2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน: สถาบันการเงินและบริษัทเทคโนโลยีจะลงทุนมากขึ้นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดนบนบล็อกเชน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเวลาในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ

3.DeFi เข้าสู่กระแสหลัก: บริการทางการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) จะได้รับการพัฒนาให้เป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น โดยมีการผสมผสานกับระบบการเงินแบบดั้งเดิม เกิดเป็นระบบผสม (Hybrid) ที่นำข้อดีของทั้งสองฝ่ายมารวมกัน

4.ผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่: สถาบันการเงินจะออกผลิตภัณฑ์ที่อิงกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น เช่น บัญชีเงินฝากที่ผูกกับบิตคอยน์ ประกันภัยสำหรับการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญที่มีส่วนผสมของคริปโทเคอร์เรนซี

⦁โอกาสสำหรับประเทศไทย
กรณีของรัฐไวโอมิงเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับประเทศไทย ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อนวัตกรรมด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไวโอมิงได้ใช้แนวทาง “นวัตกรรมมาก่อนกฎระเบียบ” แต่ยังคงรักษาความโปร่งใสและโครงสร้างการกำกับดูแลที่เหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางที่ประเทศไทยกำลังพยายามดำเนินการ

การเปลี่ยนแปลงระดับโลกนี้เปิดโอกาสสำคัญสำหรับประเทศไทยที่มีนโยบายเปิดกว้างต่อเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลมาระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบ พ.ร.บ.ศูนย์กลางการเงิน โดยหวังดึงการลงทุนใน 8 ธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเดินหน้าสร้างไทยเป็นศูนย์กลางการเงินอาเซียน และผู้เล่นสำคัญในเวทีโลก

ประเทศไทยอาจพิจารณาแนวทางคล้ายกับไวโอมิง ในการพัฒนาโทเคนที่มีเสถียรภาพของตนเอง ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างระบบนิเวศด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่แข็งแกร่ง และดึงดูดผู้ประกอบการและนักลงทุนจากทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญยังคงอยู่ โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชน นอกจากนี้ ไทยยังต้องระมัดระวังในการรักษาสมดุลระหว่างการเปิดรับนวัตกรรมกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

⦁ประเด็นด้านความมั่นคงและความเสี่ยง
แม้จะมีโอกาสมากมาย แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา:

1.ความผันผวนของมูลค่า: บิตคอยน์ยังคงมีความผันผวนสูงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิม การที่ประเทศต่างๆ ถือครองบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน

2.ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์: ระบบการเงินที่พึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นย่อมเปิดช่องทางให้ภัยคุกคามทางไซเบอร์ ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องลงทุนในการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

3.การหลบเลี่ยงมาตรการควบคุม: สินทรัพย์ดิจิทัลอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงมาตรการควบคุมเงินทุนหรือการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องมือนโยบายระหว่างประเทศ

⦁อนาคตของสกุลเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว
ในระยะยาว การจัดตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์อาจเป็นจุดเริ่มต้นของระบบการเงินโลกแบบหลายขั้ว ที่ไม่ได้พึ่งพาสกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่งเป็นหลัก แต่ประกอบด้วยสินทรัพย์หลากหลายรูปแบบ ทั้งสกุลเงินดั้งเดิม สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง และสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์

สำหรับประเทศไทย นี่คือโอกาสในการยกระดับตัวเองสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการเงินในภูมิภาค หากเรามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและนโยบายที่เหมาะสม การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติทางการเงินที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในทศวรรษหน้า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image