นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ จะร่วมหารือกับสมาคมธนาคารไทย เกี่ยวกับประเด็นอุปสรรคในการขอหลักประกันทางธุรกิจ หลังจากพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจพ. ศ. 2558 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4กรกฎาคม 2559 ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการสามารถนำสินทรัพย์แบบใหม่ เช่น กิจการ ทรัพย์สินทางปัญญา วัตถุดิบคงคลัง มาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ แต่ขณะนี้ยังมีการนำสินทรัพย์แบบดังกล่าว มาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจยังไม่มากนัก จึงจะหาแนวทางร่วมกันในการส่งเสริมให้ใช้กิจการ ทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มขึ้น และให้สถาบันทางการเงินอย่างธนาคารมีความมั่นใจในการรับสินทรัพย์ดังกล่าวมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพราะปัจจุบันพบว่าหากนำกิจการเป็นหลักประกันทางธุรกิจยังพบปัญหาว่า หากผิดนัดชำระหนี้ จะขายทอดตลาดอย่างไร หรือทรัพย์สินทางปัญญา จะประเมินมูลค่าอย่างไร
ทั้งนี้ข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ระหว่างวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 29 มีนาคม 2560 มีจดทะเบียนสัญญาหลักประกันฯแล้ว 125,386 คำขอ มูลค่า 1,857,578 ล้านบาท แบ่งเป็นสัญญาเดิม (Batch File) มี36,165 คำขอ มูลค่า 128,220 ล้านบาท สัญญาที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 29 มีนาคม 2560 มี 89,221 คำขอ มูลค่า 1,729,358 ล้านบาท ในจำนวนคำขอทั้งหมดแบ่งเป็นประเภทหลักดังนี้ 1.สิทธิเรียกร้อง มูลค่า 1,449,579 ล้านบาท คิดเป็น78.03% ของทั้งหมด จำนวนนี้แบ่งได้เป็น บัญชีเงินฝาก 1,057,479 ล้านบาท สิทธิการเช่า 65,740 ล้านบาท และอื่นๆ เช่น ลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่าซื้อ รวม 326,360 ล้านบาท2.สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ406,044 ล้านบาท คิดเป็น 21.86% จำนวนนี้แบ่งได้เป็น สินค้าคงคลัง /วัตถุดิบ 246,633 ล้านบาท และเครื่องจักร/รถยนต์/เรือ 159,411 ล้านบาท3.ทรัพย์สินทางปัญญา 1,955 ล้านบาท คิดเป็น 0.11% ของทั้งหมด ขณะที่กิจการ และอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ยังไม่มีคำขอเข้ามา
