กรมส่งเสริมสหกรณ์ จับมือ NCB ชู ‘Credit Lock’ เดินหน้าแก้หนี้สมาชิกสหกรณ์

Credit Lock

กรมส่งเสริมสหกรณ์ จับมือ NCB ชู “Credit Lock” เดินหน้าแก้หนี้สมาชิกสหกรณ์ กว่า 3 ล้านบัญชี

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์จับมือบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) เดินหน้ายกระดับการจัดการหนี้สินสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศ โดยใช้ระบบ “Credit Lock” เป็นกลไกสำคัญในการควบคุมวินัยการเงินของสมาชิก และป้องกันการก่อหนี้ใหม่ในระหว่างร่วมโครงการ ปฏิบัติการนี้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มุ่งลดภาระหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนโดยมี น.ส.อนงค์นาถ จ่าแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนาม

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ระบบ “Credit Lock” จะทำหน้าที่ควบคุมวินัยทางการเงิน โดย ข้อมูลที่ใช้จะประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน และวันที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งไปยัง NCB เพื่อให้สถาบันการเงินรับทราบและไม่อนุมัติสินเชื่อใหม่ในระหว่างโครงการ ซึ่งหากสมาชิกปลดหนี้ครบ ก็สามารถแจ้งยกเลิกสถานะ Credit Lock ได้ภายหลัง

Credit Lock

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า แนวทางนี้เน้นการให้ความช่วยเหลือผู้ที่มีหนี้สินหลายแหล่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่เป็นหนี้เสียแต่เริ่มผิดนัดชำระ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศประมาณ 3 ล้านคน โดย 3-5% (90,000-150,000 คน) อยู่ในกลุ่มเสี่ยง กรมฯ จึงเร่งผลักดันให้เข้าสู่โครงการก่อนสถานะจะย่ำแย่ลง

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ข้อมูลจากเครดิตบูโรระบุว่า มีบัญชีหนี้เสียรวมกว่า 5 ล้านบัญชี ในจำนวนนี้กว่า 3 ล้านบัญชีเป็นหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งถือว่าอยู่ในขอบเขตที่สามารถแก้ไขได้ หากได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ซึ่งความร่วมมือนี้จะช่วยให้เป็นการแก้หนี้อย่างยั่งยืน เพื่อให้สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการมีเงินเหลือในการดำรงชีวิตหลังจากการชำระหนี้ในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของรายได้

ADVERTISMENT

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีสหกรณ์ประมาณ 6-7 แห่งที่เชื่อมต่อเข้าระบบข้อมูลเครดิตบูโรแล้ว และอยู่ระหว่างการผลักดันให้สหกรณ์อื่นๆ เข้าร่วมเพิ่มเติม เพื่อให้การบริหารจัดการหนี้มีประสิทธิภาพทั่วถึงยิ่งขึ้น

Credit Lock

ด้าน นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ สมาชิกสหกรณ์จะเห็นภาพรวมภาระหนี้ของตนเอง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการภาระหนี้สินได้อย่างเหมาะสม เป็นไปตามศักยภาพที่สามารถชำระหนี้ได้ และไม่ก่อหนี้เกินตัว ซึ่งการที่ลูกหนี้สหกรณ์ยินยอมที่จะรวมหนี้ และส่งข้อมูลมาให้ เครดิต บูโร เปรียบเสมือนยินยอมให้ตรวจสอบและส่งสัญญาณให้สถาบันการเงินกว่า 160 แห่ง ที่อยู่ในระบบเครดิตบู่โร ทราบว่าสมาชิกรายดังกล่าวจะไม่สามารถก่อหนี้ใหม่เพิ่มได้ ถือว่าเป็นการสร้างวินัยทางการเงิน