พิชัยคิกออฟซับคอนไทยแลนด์ 2025 เดินหน้าไทยสู่ศูนย์กลางลงทุน ตั้งเป้า 2 หมื่นล้าน

พิชัยคิกออฟซับคอนไทยแลนด์ 2025 เดินหน้าไทยสู่ศูนย์กลางลงทุน ตั้งเป้า 2 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดงาน “ซับคอนไทยแลนด์” ควบคู่กับงาน อินเตอร์แมค – พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-17 พฤษภาคม ว่าการจัดงานครั้งนี้สะท้อนศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตและการลงทุนระดับภูมิภาค ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการจัดแสดงนวัตกรรมเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ต่อยอดเครือข่าย พัฒนาความร่วมมือ และขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ตลาดสากล

นายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการผลักดันอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และพลังงานสะอาด เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งภายในประเทศ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว และยังคงเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง พัฒนาเทคโนโลยี บุคลากร และโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจโลกสู่ระบบสีเขียวและดิจิทัล

ADVERTISMENT

“ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก ประเทศไทยยังคงมีโอกาสมหาศาลในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง Subcontracting & Supply Chain Hub แห่งภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเชื่อมั่นว่า งานซับคอนไทยแลนด์ 2025 งานอินเตอร์แมค และงานพลาสติกแอนด์รับเบอร์ไทยแลนด์ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการผลิตที่ยั่งยืนในระดับโลกได้อย่างแท้จริง” นายพิชัย กล่าว

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ที่ผ่านมาบีโอไอให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนและการรับช่วงการผลิตมาโดยตลอด โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ให้มั่นคงและยั่งยืน คือการยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (ซัพพลายเชน) ของประเทศให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบในประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทย และเอสเอ็มอีได้มีบทบาทในระบบอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต

นายนฤตม์ กล่าวว่าโดยงานซับคอนไทยแลนด์จัดต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 19 ได้รวมเทคโนโลยีกว่า 1,500 แบรนด์ จาก 45 ประเทศไว้ในพื้นที่เดียวกัน ถือเป็นเวทีเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจกับผู้ซื้อรายใหญ่ ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท การเจรจาจัดซื้อชิ้นส่วนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ และกิจกรรมตลาดกลางซื้อขายที่เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการทุกระดับ ที่สำคัญในปีนี้ เรายังเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยเปิดพื้นที่ “xEV Sourcing Zone” เพื่อให้บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน (Tier 1) จัดแสดงชิ้นส่วนที่ต้องการจัดซื้อ และกิจกรรมสัมมนาภายใต้ธีม Shaping the Future of xEV in Thailand-Opportunities for Innovation and Growth ที่เชิญผู้นำระดับสูงจากค่ายรถชั้นนำ มาร่วมแลกเปลี่ยนทิศทางการพัฒนา xEV และบทบาทของไทยในเวทีโลก