ส.อ.ท. ชี้ โควิดรอบใหม่ไม่เน้นตุนยา ยันภาษีสหรัฐฯ กระทบวงการยาทางอ้อม

ส.อ.ท. ชี้ โควิดรอบใหม่ไม่เน้นตุนยา ยันภาษีสหรัฐฯ กระทบวงการยาทางอ้อม

นายสุรชัย เรืองสุขศิลป์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่เริ่มกลับมาระบาดในหลายพื้นที่ในประเทศไทยอีกครั้งนั้น ตนมองว่าปัจจุบัน ประชาชนส่วนมากมีความเข้าใจและรู้แนวทางการดูแลตนเองเบื้องต้น และ ประชาชนอาจจะไม่ได้เน้นการตุนซื้อยา ที่เพื่อรักษาโรคโควิด-19 มากเท่ากับตอนสมัยช่วงมีการระบาดหนักเมื่อหลายปีก่อน และ ปัจจุบันประชาชนเลือกที่จะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมากกว่าเลือกที่จะซื้อยาทานเอง รวมถึง การแพร่ระบาดของโรคแอนแทรกซ์ เช่นกันที่การรักษาและการจ่ายยาจะเป็นการดูแลกำกับโดยแพทย์เป็นหลัก

นายสุรชัย กล่าวว่า การระบาดเริ่มกลับมาครั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ จะเลือกที่จะไปพบแพทย์รับยาที่โรงพยาบาล และหากมีอาการรุนแรงก็จะเลือกรักษาตัวที่โรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ยาที่ใช้ในการรักษาโควิด-19 อาจมีการขาดแคลนบางส่วน เนื่องจากไม่ได้มีการใช้อย่างต่อเนื่องมานาน ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลกำลังเร่งจัดหาและเตรียมยาในส่วนนี้ นายสุรชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับยาที่ใช้รักษาอาการป่วยทั่วไป เช่น ไข้หวัด อาการไอ-เจ็บคอ พบว่ายอดขายขณะนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลของสภาพอากาศที่เข้าสู่ช่วงฤดูฝน และ ประกอบกับช่วงเวลานี้สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนทำให้ประชาชนมีการซื้อยาตุนเพิ่มขึ้น

นายสุรชัย กล่าวว่า ส่วนผลกระทบจากประเด็นการขึ้นภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และปัญหาเศรษฐกิจ เช่น เรื่องของปัญหาหนี้ครัวเรือน ต่อตลาดยาของประเทศไทยนั้น ตนมองว่า จะเป็นผลกระทบทางอ้อมมากกว่า ไม่ได้กระทบโดยตรงมากขนาดนั้น เนื่องจากอุตสาหกรรมยาในประเทศไทยไม่ได้มีการส่งออกยาไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาโดยตรง อย่างไรก็ตาม หากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี อาจส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงการซื้อยาด้วย แต่ผลกระทบดังกล่าวไม่น่าจะมากนัก นายสุรชัย กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มยอดขายยาในปี 2568 ตนคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ในระดับทรงตัว ไม่ได้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2567 อย่างมีนัยสำคัญ แต่โดยพื้นฐานแล้วตลาดยายังคงมีการเติบโตในระดับหนึ่งและเป็นการเติบโตที่อยู่ในจุดที่ไปได้ต่อเนื่อง

ADVERTISMENT