อีคอนไทย แนะรัฐ เตรียม ‘กระสุน’ กระตุ้นเศรษฐกิจ งดแจกเงิน-ตั้งศูนย์อำนวยการเศรษฐกิจ 

อีคอนไทย แนะรัฐ เตรียม ‘กระสุน’ กระตุ้นเศรษฐกิจ งดแจกเงิน-ตั้งศูนย์อำนวยการเศรษฐกิจ 

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยตอนนี้ ยังมีความเปราะบางอยู่สมควร โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แม้จะมีสัญญาณดีขึ้นในบางช่วง แต่ยังมีแรงกดดันจาก สงครามการค้าของสหรัฐอเมริกาที่ยังคงมีความไม่แน่นอน การเจรจาก็ไม่รู้ว่าจะออกมาแนวไหน เพราะกรณีของประเทศอินเดียที่แม้จะเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ก็ยังต้องเจรจาหลายครั้ง แต่ยังไม่สำเร็จ

นายธนิต กล่าวว่า ความไม่แน่นอนของสงครามภาษีสหรัฐฯ จะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนในไตรมาส 3 โดยเฉพาะต่อห่วงโซ่อุปทานการส่งออก ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมและการจ้างงานเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานในระบบประกันสังคมประมาณ 12 ล้านคน และนอกระบบอีกกว่า 10 ล้านคน ซึ่งหากการส่งออกซบเซาย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อการจ้างงานทั้งระบบ

นายธนิต กล่าวว่า รัฐบาลต้องเตรียม “กระสุน” ด้านนโยบายการคลังและการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน โดยเน้นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน เช่น โครงการส่งเสริมการจ้างงานเด็กจบใหม่ หรือโครงการคล้าย “คนละครึ่ง” เพื่อเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ และหนุนภาคการผลิตให้เดินหน้าต่อได้

นายธนิต กล่าวว่า ตนย้ำเสมอว่าแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจลักษณะการแจกเงิน 10,000 บาท เป็นนโยบายที่ควรหลีกเลี่ยงหรือควรกลับมาทบทวนรายละเอียดให้รอบคอบอีกครั้ง เนื่องจากอาจไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงในช่วงที่รัฐบาลมีงบประมาณจำกัดในการใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ

ADVERTISMENT

นายธนิต กล่าวว่า อีกประเด็นสำคัญคือรัฐต้องเร่งแก้ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน โดยเฉพาะการปลดล็อกเครดิตบูโร ที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารรัฐ หากไม่แก้ไขก็จะไม่สามารถอัดฉีดสภาพคล่องสู่ระบบเศรษฐกิจได้ แต่อย่างไรก็ตามก็อยากให้รัฐบาลวางแผนการเตรียมเงินงบประมาณสำหรับการใช้อัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เพียงพอต่อการใช้และเป็นงบประมาณที่อยู่ในเรทที่เหมาะสม

นายธนิต กล่าวว่า สำหรับนโยบายออกพันธบัตรจี-โทเคน หรือ “G-Token” ที่รัฐบาลพยายามผลักดันนั้น ตนแสดงความเห็นว่า นโยบายนี้ยังมีข้อกังขาในหลายมิติ และยังไม่ชัดเจน ทั้งเรื่องสถานะทางกฎหมาย และความสามารถในการใช้จ่ายจริง พร้อมระบุว่าวงเงินเพียง 5,000 ล้านบาทอาจไม่เพียงพอในการสร้างแรงกระตุ้นเชิงเศรษฐกิจได้จริง

นายธนิต กล่าวว่า ตนมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลจัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการเศรษฐกิจแห่งชาติ” เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการบูรณาการมาตรการด้านเศรษฐกิจทุกด้าน ทั้งการคลัง การเงิน โลจิสติกส์ และแรงงาน พร้อมดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมเสนอความคิดเห็นและติดตามผล และ ต้องมีการตั้งทีมคณะทำงานอย่างเป็นรูปธรรม นายธนิต กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่เห็นภาพว่ารัฐบาลจะมีการตั้งทีมดูแลด้านเศรษฐกิจ หรือมีการตั้งศูนย์ใดที่ทำหน้าที่กำกับดูแลเรื่องเศรษฐกิจแบบครบวงจร อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การขับเคลื่อนมาตรการทางเศรษฐกิจยังขาดความเป็นเอกภาพ ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งกำหนดทิศทางให้ชัดเจนมากกว่านี้