สรรพากรเผยหลีกเลี่ยงและโกงภาษี 10 ล.-มีเป็นความผิดร้ายแรงฐานฟอกเงิน

นายสมชาย แสงรัตนมณีเดช รองอธิบดีกรมสรรพากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีมาตรการลงโทษผู้หลีกเลี่ยงการเสียภาษีและฉ้อโกงภาษีตามข้อเสนอของ Financial Action Task Force (FATF) โดยมีการตราพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 45) พ.ศ.2560 กำหนดให้ผู้หลีกเลี่ยงหรือฉ้อโกงภาษี หรือขอคืนภาษีโดยความเท็จ เป็นการกระทำความผิดร้ายแรง และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2560 แล้วนั้น

นายสมชายกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเนื่องจากประเทศไทยเป็นสมาชิกในกลุ่ม ความร่วมมือ เพื่อต่อต้านการฟอกเงินเอเชียแปซิฟิก (Asia Pacific Group on Money Laundering :APG) มีความจำเป็นที่ต้องปฏิบัติตามข้อแนะนำของ FATF ในการกำหนดให้อาชญากรรมเกี่ยวกับภาษีอากรที่มีลักษณะร้ายแรงเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

นายสมชายกล่าวว่า กฎหมายมีองค์ประกอบดังนี้ 1.เป็นผู้กระทำความผิดตามมาตรา 37 มาตรา 37 ทวิ และมาตรา 90/4 แห่งประมวลรัษฎากร 2.หลีกเลี่ยงภาษีอากร ฉ้อโกงภาษีอากร เป็นจำนวนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือขอคืนภาษีอากรโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นทำนองเดียวกัน ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป 3.กระทำในลักษณะกระบวนการ หรือเป็นเครือข่าย โดยสร้างธุรกรรมอันเป็นเท็จหรือปกปิดรายได้เพื่อหลีกเลี่ยงหรือฉ้อโกงภาษี และ 4.มีพฤติกรรมปกปิดหรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อมิให้ติดตามทรัพย์สินนั้นได้

นายสมชายกล่าวว่า เมื่อเข้าองค์ประกอบทั้ง 4 ประการข้างต้น ให้ถือว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐาน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งกรมสรรพากรจะส่งข้อมูลให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

Advertisement

นายสมชายกล่าวว่า ผู้ประกอบการสามารถศึกษารายละเอียดได้จากพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 45) พ.ศ.2560 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทุกแห่ง หรือศูนย์บริการข้อมูลสรรพากร RD Call Center โทร 1161

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image