AWC ผุด รถแทรมไฟฟ้า แรกของประเทศ บูมแลนด์มาร์กใหม่หมื่นล้าน ‘ลานนาทีค’
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า AWC ได้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในพื้นที่เชียงใหม่ พัฒนาโครงการ Lannatique เพื่อพลิกโฉมย่านช้างคลานสู่แลนด์มาร์กศิลปวัฒนธรรมระดับโลกใจกลางเชียงใหม่ สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งล้านนา สู่จุดหมายปลายทางแห่งคุณค่าและความสุขที่ยั่งยืน ด้วยเงินลงทุนรวม 11,950 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 พื้นที่สำคัญ
1. Lannatique Kalare พื้นที่ศูนย์การค้ากว่า 17,500 ตารางเมตร ถ่ายทอดเสน่ห์แห่งศิลปวัฒนธรรมล้านนาและศิลปะสมัยใหม่ผ่าน 3 หมู่บ้านศิลป์ คือ Thai Craftsmanship Village ,Cultural Village และ Creative Art Village จะเปิดบริการเฟสแรกในปี 2568 พร้อมปูรากฐานสู่การพัฒนาโรงแรมระดับโลกขนาด 55,000 ตารางเมตร ที่จะผสานกับ Attraction ระดับโลกขนาดใหญ่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
2.Lannatique Bazaar ครอบคลุมพื้นที่ศูนย์การค้ากว่า 22,500 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด Contemporary Art กับพื้นที่ศิลปะร่วมสมัย รวมถึงโครงการโรงแรมที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 25,000 ตารางเมตร
3.Lannatique Market ครอบคลุมพื้นที่ศูนย์การค้ากว่า 87,000 ตารางเมตร ที่อยู่ระหว่างการศึกษาภายใต้คอนเซ็ปต์ในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากชุมชนเพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างยั่งยืน
“AWC ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามนโยบายของจังหวัดเชียงใหม่และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ร่วมสร้างการท่องเที่ยวยั่งยืนของเมืองเชียงใหม่ ด้วยรูปแบบ Innovative and Sustainable Tourism และ โมเดล AWC’s Lifestyle Destination ที่โครงการ ‘Lannatique’ เชื่อมต่อ Innovative MICE Facility ของโรงแรมในกลุ่ม คือโรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล เปิดห้องอิมเมอร์ซีฟบอลรูมแห่งแรกของโลก Plaii Ballroom ต่อเนื่องห้องประชุมรูปแบบหลากหลาย อาคารประชุมขนาดใหญ่ของอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล และ Lifestyle MICE ของโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ รองรับจัดกิจกรรมระดับเวิร์ดคลาส” นางวัลลภากล่าว
นางวัลลภา กล่าวว่า นอกจากนี้จับมือพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านศิลปะ การแสดง และอาหาร เพื่อเติมเต็มการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างครบวงจร โดยเปิดพื้นที่ให้ศิลปิน ผู้ประกอบการ และชุมชนท้องถิ่นที่มีวิสัยทัศน์เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนและสร้างสรรค์ประสบการณ์พิเศษ เริ่มด้วยพันธมิตรชั้นนำที่จะส่งต่อคุณค่าของไทยสู่นักเดินทางจากทั่วโลก ได้แก่ 6ixcret Show โดยกันตภณ เนียมมณี นักออกแบบการแสดง เจ้าของผลงานสร้างสรรค์ในเชียงใหม่ และระดับประเทศ ร่วมกับทีมผู้บริหารและทีมงานผู้มีประสบการณ์จากเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งจะเข้าร่วมพัฒนาภายในโครงการ Lannatique Kalare เพื่อเปิดโรงละครภายใต้แบรนด์ STARGANZA LIVE นำเสนอการแสดง Cabaret Show ร่วมสมัยที่หลอมรวมศิลปะ แฟชั่น วัฒนธรรมล้านนาท้องถิ่น ถ่ายทอดออกมาในมิติที่ใหม่แบบอิมเมอร์ซีล้ำสมัย กล้าท้าทายและทรงพลัง พร้อมยกระดับการแสดงศิลปะในเชียงใหม่สู่มาตรฐานระดับสากล บนพื้นที่รวมมากกว่า 500 ตารางเมตร
ร้านเอกฉันท์ โดยเชฟเอก เอกพล พิชวงค์ ผู้สร้างสรรค์อาหารไทยท้องถิ่นชื่อดังจากมิชลินไกด์ในเชียงใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบจากแหล่งออร์แกนิกท้องถิ่นและรสชาติที่สะท้อนเอกลักษณ์ของภูมิภาค เตรียมเปิดโมเดลใหม่ในโครงการ Lannatique Kalare ที่จะนำเสนออาหารไทยที่เปี่ยมด้วยอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมผ่านวัตถุดิบพื้นถิ่น ถ่ายทอดรสชาติและเรื่องราวจากทุกภูมิภาคของประเทศในมิติใหม่ที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างกลมกลืน บนพื้นที่รวมมากกว่า 500 ตารางเมตร
ด้วยการเปิดห้องอิมเมอร์ซีฟบอลรูมแห่งแรกของโลก ‘Plaii Ballroom’ ต่อเนื่องห้องประชุมรูปแบบหลากหลาย รวมถึงอาคารประชุมขนาดใหญ่ของอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล และ Lifestyle MICE ของโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ พร้อมรองรับทุกการจัดกิจกรรมระดับเวิร์ดคลาส ต่อเนื่องถึงโครงการ ‘Lannatique’
ล่าสุด Chiang Mai Tram by Lannatique เชื่อมเส้นทางวัฒนธรรมทั่วเมืองเชียงใหม่ผ่านโครงข่ายรถแทรมไฟฟ้าล้อยางนำเที่ยวแห่งแรกของภาคเหนือ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Innovative and Sustainable Tourism เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และชุมชนท้องถิ่น รวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่ ชื่อดังกว่า 40 แห่งตลอดสาย อาทิ ประตูท่าแพ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตลาดวโรรส คลองแม่ข่า โครงการ “Lannatique” พันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ และโรงแรมในเครือ AWC เป็นต้น
ทั้งยังช่วยลดการปล่อยมลภาวะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการใช้พลังงานไฟฟ้า และมอบความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยผู้ใช้บริการจอดรถไว้บริเวณรอบนอก หรือในโครงการเครือ AWC แล้วเดินทางเข้าสู่เมืองด้วยรถแทรมไฟฟ้าล้อยาง เพื่อลดการใช้พลังงานและการจราจรที่หนาแน่นในเขตเมือง โดยรายได้สุทธิจากโครงการจะร่วมสนับสนุนกิจกรรมเพื่อชุมชนยั่งยืนให้จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
