“ซิงเกอร์”อัดแน่นแคมเปญหน้าร้อนกลุ่มแอร์-ตู้เย็น-เครื่องซักผ้าเสิร์ฟรากหญ้า-มั่นใจลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ช่วยได้

dig

นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการและผู้อำนวยการ สายงานการขายและการตลาด บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าร้อนนี้จะออกแคมเปญสินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรวมทั้งหมด 3 รายการ 7 รุ่น ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ 2 รุ่น ตู้เย็น 4 รุ่น และเครื่องซักผ้า 1 รุ่น เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคในช่วงหน้าร้อนที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น และคาดการณ์ว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในช่วงหน้าร้อนจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มซีซั่น

นายกิตติพงศ์กล่าวว่า นอกจากนี้จะปรับระบบการขายสินค้าแบบเช่าซื้อซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท โดยการเพิ่มพนักงานขายและพนักงานติดตามให้มากขึ้น จึงตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีจะมีพนักงานขายประมาณ 20,000 คน จากปัจจุบันมีพนักงานขาย 13,000 คน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มหลัก ซึ่งเป็นผู้บริโภคระดับล่างหรือระดับฐานราก แบ่งเป็นผู้บริโภคต่างจังหวัด 90 % กรุงเทพและปริมณฑล 10% ซึ่งประกอบอาชีพอิสระ มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น คนขายของในตลาดนัด มอเตอร์ไซค์รับจ้าง เกษตรกร

“นโยบายลงทะเบียนคนจนปี 2560 ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมานั้น มองว่าจะช่วยทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคระดับล่างในต่างจังหวัดดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยสังเกตได้จากการเปิดลงทะเบียนคนจนรอบที่แล้ว ทำให้เศรษฐกิจช่วงปลายปี 2559 ดีขึ้น ทั้งนี้ในส่วนยอดขายของบริษัทเมื่อปลายปีที่แล้วมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการอัดฉีดเงินลงไปในระดับล่างทำให้กำลังซื้อในภาพรวมดีขึ้น ส่วนผลจากการเปิดลงทะเบียนคนจนรอบใหม่นี้ยังไม่สามารถประเมินได้ แต่คาดว่าจะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้นแน่นอน” นายกิตติพงศ์กล่าว

นายกิตติพงศ์กล่าวว่า แผนดำเนินงานในปีนี้ บริษัทจะลงทุนด้านการวางระบบเทคโนโลยีประมาณ 100 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาธุรกิจเพื่อขยายฐานสินค้าในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ เครื่องเสียงและยานพาหนะ จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากสินค้า 3 กลุ่มคือ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โทรศัพท์มือถือ และสินค้าพาณิชย์ อาทิ ตู้เติมน้ำมันหยอดเหรียญ เครื่องทำน้ำหวานเกล็ดหิมะ เครื่องสีข้าว ตู้เติมเงินโทรศัพท์มืิอถือ นอกจากนี้แล้วบริษัทมีแผนรุกตลาดกรุงเทพและปริมณฑลมากขึ้นในโซนพระราม 2 อย่างไรก็ตามในส่วนฐานลูกค้าปัจจุบันมีประมาณ 200,000 ราย คิดเป็นมูลค่าการผ่อนชำระสินค้าหรือสินเชื่อประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท ดังนั้นในปีนี้จึงตั้งเป้าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไว้ที่ประมาณ 7-10% ลดลงจากปี 2559 ที่มีเอ็นพีแอล 13% และในส่วนผลประกอบการตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมีรายได้เติบโตขึ้น 35% จากปี 2559 ที่มีรายได้ 2,540 ล้านบาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image