จุลพันธ์ ยัน ผลักดันกฎหมายคอมเพล็กซ์ เสร็จทันรัฐบาลนี้ เผยเอชนเชื่อมั่นไทยขึ้นแท่นที่ 3 โลกรองจากลาสเวกัส-มาเก๊า ใน 5-10 ปี
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานแถลงข่าว Thailand Entertainment Complex : มหานครแห่งประสบการณ์ระดับโลก เพื่อคนไทยทุกคน ว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวตลอด 15 ปีของไทย โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2553 ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยติดอันดับโลกประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมาโดยตลอด ถึงแม้ช่วงโควิดนักท่องเที่ยวจะหายไปบ้าง แต่ช่วงปี 2566-2567 ก็ทำสถิติกลับมาติด 10 อันดับโลกใหม่ได้ แต่ถึง จำนวนนักท่องเที่ยว จะมีมาก แต่รายได้ต่อหัวที่เข้ามาใช้จ่ายในประเทศกลับไม่เพิ่ม เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกับดักการท่องเที่ยวของประเทศไทย จึงถึงเวลาที่ต้อง ‘สร้างโอกาส’ ครั้งใหม่ พัฒนาการท่องเที่ยวที่ทำให้รายได้ต่อหัวนักท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหนาล่าสุดของกระบวนการยกร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขณะนี้ได้พ้นอำนาจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว และกำลังรอบรรจุวาระเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 ปี2568 (วันที่ 3 กรกฎาคม -30 ตุลาคม 2568 ) แล้ว ซึ่งอยู่ในเรื่องแรกที่จะต้องเข้าที่ประชุม เมื่อเปิดการประชุมก็จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการ คาดว่าใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี ตามปกติของการยกร่างกฎหมายที่มีความซับซ้อน
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จากนั้นเมื่อกฎหมายเสร็จก็จะเป็นขั้นตอนการตั้ง คณะกรรมการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และตั้งหน่วยงานกำกับหรือสำนักงานเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รวมทั้งการตั้งคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ และความคุ้มค่าในการลงทุนโครงการ
“อย่างไรก็ดีอายุของรัฐสภามีอยู่อย่างจำกัด เหลืออีก 2 ปีเท่านั้น หาก หากการยกร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่แล้วเสร็จในสภาชุดนี้ ก็ต้องไปเริ่มใหม่จากศูนย์ในสมัยชุดถัดไป ก็จะเป็นการเสียโอกาส ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็จะผลักดันตัวกฎหมายให้แล้วเสร็จในรัฐบาลชุดนี้ 2 ปี ” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่าทั้งนี้ จากการที่หารือกับนักลงทุนระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น ผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่าใน 5-10 ปี ประเทศไทยจะกลายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองมาจาก ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา และ เขตบริหารพิเศษมาเก๊า ประเทศจีน ดังนั้น ถ้าโครงการเกิดขึ้นแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจให้ประเทศไทยจำนวนมหาศาล
“ประเทศไทย เราไม่มีจุดใด ที่ด้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ ที่แข่งขันกันอยู่ในภาคท่องเที่ยวทั้งประเทศในอาเซียน และประเทศนอกอาเซียน เพราะเรามีการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรมธรรม รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง โรงแรมขนาดใหญ่ทั่วประเทศ หรือเรื่องของนักท่องเที่ยวที่มีฐานอยู่แล้วกว่า 30 ล้านคน เพราะฉะนั้นในการลงทุนโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เชื่อได้ว่าประเทศไทยสามารถแข่งขันได้” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ว่าไม่ต้องมีพื้นที่กาสิโนในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้หรือไม่นั้น โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นโครงการที่รัฐบาลไทยไม่ได้คิดเอง แต่เป็นโมเดลธุรกิจรูปแบบหนึ่ง ที่ทำให้กาสิโนมีความจำเป็น หากตัดกาสิโนออกไปก็จะทำให้โครงการของไทยไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ดึงดูดการลงทุนยาก เพราะถ้าแค่สนามกีฬา คงไม่มีใครอยากมาลงทุนสร้างแน่นอน