นครพนม พร้อมรับ ไทยไลอ้อนแอร์ บินตรง ดอนเมือง–นครพนม 19 มิ.ย. หนุนท่องเที่ยวอีสานตอนบน
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เส้นทางบินปฐมฤกษ์ ไป-กลับ ดอนเมือง – นครพนม ของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ที่จะเปิดให้บริการประชาชนในวันที่ 19 มิถุนายน 2568 นี้ เป็นความสำเร็จของการดำเนินงาน ตามมาตรการ New Route – New Airline ของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ในการส่งเสริมให้สายการบินเปิดเส้นทางบินมายังท่าอากาศยานในสังกัด ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค โดยเฉพาะจังหวัดเมืองรองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 หรือกลุ่มจังหวัด “สนุก” (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) ด้านการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายังนครพนมและจังหวัดใกล้เคียงได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
นางมนพร กล่าวว่า รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการเดินทางแบบ Weekend trip หรือทริประยะสั้น เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวระดับภูมิภาคสู่ประเทศลาวและเวียดนาม ผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 3 สร้างโอกาสให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวแบบหลายประเทศ (Multi – country route) และที่สำคัญยังเป็นการยกระดับการเดินทางทางอากาศให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนลุ่มน้ำโขงและเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก
ด้าน นายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าวว่า ปัจจุบันอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานนครพนมสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 600 คน/ชั่วโมง หรือ 1.7 ล้านคน/ปี ทางวิ่งขนาด 2,500 x 45 เมตร ลานจอดอากาศยานรองรับอากาศยานแบบ B737/A320 ได้ 3 ลำในเวลาเดียวกัน ลานจอดรถยนต์รองรับ 140 คัน คาดการณ์ว่า หลังจากที่สายการบินไทยไลอ้อนแอร์เปิดให้บริการมายังท่าอากาศยานนครพนมในเดือนมิถุนายนนี้ จะทำให้ในปี 2568 ท่าอากาศยานนครพนมมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 18.48 % และมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 32.99 % จากปี 2567 โดยปัจจุบันท่าอากาศยานนครพนมมีสายการบินให้บริการในเส้นทางไป-กลับ ดอนเมือง – นครพนม วันละ 6 เที่ยวบิน แบ่งเป็นสายการบินไทยแอร์เอเชีย 4 เที่ยวบิน และสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ 2 เที่ยวบิน
นายดนัย กล่าวว่า ทย. ได้ดำเนินการตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้นโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบิน (Aviation Hub) โดยมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานในสังกัดให้มีความพร้อมรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสารที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ควบคู่กับการบริการที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล