พณ.เร่งเครื่องปิดดีลเอฟทีเอ ‘อียู-เกาหลีใต้’ นักธุรกิจห่วงการเมืองวุ่น ประเทศคู่ค้าเตะถ่วง

พณ.เร่งเครื่อง ปิดดีลเอฟทีเอ ‘อียู-เกาหลีใต้’ นักธุรกิจห่วงการเมืองวุ่นๆประเทศคู่ค้าเตะถ่วง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหราชอาณาจักร และมั่นใจว่าการขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (ETP) ที่จะส่งเสริมกัน เช่น การเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม ดิจิทัล ยานยนต์ มาตรฐาน การท่องเที่ยว และสุขภาพ และเป็นพื้นฐานยกระดับสู่การเจรจาจัดทำเอฟทีเอระหว่างกันในอนาคต ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจาทำเอฟทีเอกับอีกหลายประเทศ เช่น สหภาพยุโรป (EU) มุ่งมั่นจะสรุปผลเจรจาให้ได้ภายในปีนี้

น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า กรมจะเร่งเดินหน้าสรุปเจรจาเอฟทีเอคงค้างโดยเร็ว คือ ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ไทย-เกาหลีใต้ ที่ตั้งเป้าสรุปปี 2568 ส่วนเอฟทีเออาเซียน-แคนาดา เร่งผลักดันให้คืบหน้ามากสุด เพื่อสรุปผลเจรจาปี 2569 ซึ่งช่วงปี 2567 ถึงต้นปี 2568 ไทยลงนามเอฟทีเอ 3 ฉบับ ได้แก่ ไทย-ศรีลังกา ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) และ ไทย-ภูฏาน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนกระบวนการภายในประเทศ และตกลงให้มีผลบังคับใช้ปี 2569

พร้อมกันนี้ จะมีเจรจายกระดับเอฟทีเอที่ไทยทำไว้และทำให้กรอบอาเซียน 9 ประเทศ อาทิ อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อาเซียน-จีน อาเซียน-อินเดีย อีกทั้งไทยอยู่ระหว่างจัดทำเอฟทีเอ FTA ไทย-เปรู ฉบับสมบูรณ์ ซึ่งเหลือเจรจาด้านสินค้า30% และการเปิดเสรีภาคบริการ ตั้งเป้าสรุปสิงหาคมนี้ อีกกรอบที่ได้รับความสนใจอย่างมาก คือ ความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) ที่ตั้งเป้าสรุปปีนี้ จะถือเป็นความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลระดับภูมิภาคฉบับแรกของโลก ขอบเขตครอบคลุมด้านดิจิทัล รวมถึงประเด็นท้าทายใหม่ๆ โดยหาข้อสรุปได้แล้ว อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีการเงิน (Fin Tech) ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity) และการต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ (Anti-Online Scam) เป็นต้น

น.ส.โชติมา กล่าวว่า สำหรับแผนจัดประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ระดับรัฐมนตรีกับคู่ค้าของไทย ตอนนี้เน้นกับลาว ฟิลิปปินส์ และสหราชอาณาจักร ส่วนกัมพูชายังไม่มี อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีแผนจะเพิ่มการเจรจาเอฟทีเอหรือเจทีซีใหม่ในช่วงนี้ จะเร่งการเจรจาที่คงค้างให้ลุล่วงโดยเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้ศึกษาไทยกับบังคลาเทศ โดยปี 2567 การค้าของไทยกับ 18 ประเทศคู่ค้าเอฟทีเอมีมูลค่า 360 พันล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 59.3% ของการค้ารวมไทย โดยไทยส่งออก 154 พันล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 172 พันล้านเหรียญสหรัฐ ช่วง 3 เดือนแรก2568 การค้าของไทยกับประเทศคู่ รวม 96,905 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 60%

แหล่งข่าวหอการค้าไทย ระบุว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการกำลังวิตกและจับตาปัญหาการเมืองในประเทศ ว่าอาจกระทบต่อแผนการเจรจาเอฟทีเอและเจทีซี ให้ล่าช้ากว่าแผน หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือเปลี่ยนพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล อาจทำให้ประเทศคู่เจรจาเลื่อนประชุมเพื่อรอดูสถานการณ์ และชะลอเพื่อรอดูผลกระทบจากภาษีตอบโต้นำเข้าของทรัมป์ โดยเฉพาะเอฟทีเอไทย-อียู อาเซียน-แคนาดา

ADVERTISMENT