ร้านอาหารบ่นอุบ กำลังซื้อทรุดหนักรอบ 3 ปี ยอดขายหาย 50-80% จ่อปิดอีกอื้อ

ร้านอาหารบ่นอุบ กำลังซื้อทรุดหนักรอบ 3 ปี ยอดขายหาย 50-80% จ่อปิดอีกอื้อ

วันที่ 13 มิถุนายน นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบัน ยังเผชิญแรงกดดันรอบด้านทั้งภาวะเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลก ต้นทุนสูง จำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไป รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรง กระทบต่อกำลังซื้อและยอดขายของร้านอาหารปีนี้ลดลงหนักสุดในรอบ 3 ปี โดยกำลังซื้อเริ่มลดลงตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา และคาดว่าไตรมาสที่ 3 หรือ 3 เดือนข้างหน้านี้จะทรุดหนักมากขึ้น จากในขณะนี้ต่างจังหวัดกำลังซื้อหายไปถึง 80% ส่วนกรุงเทพฯหายไปกว่า 50% คงต้องรอลุ้นช่วงไตรมาสสุดท้ายที่คาดว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้

“ช่วงไตรมาส 3 จะเป็นจุดชี้เป็นชี้ตาย ใครจะอยู่ไหวบ้าง คงจะได้เห็นร้านใหญ่ๆ ที่เปิด 10-20 ปี อาศัยการท่องเที่ยว จะทยอยปิดตัวอีกหลายร้าน หลังประเมินแล้วว่าเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยวจะไม่กลับมาอีก 6 เดือนถึง 1 ปีนี้ จะตัดสินใจปิด ถ้ายังเปิดต่อ ต้องขาดทุน จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่ม ทั้งวัตถุดิบและค่าเช่าที่เป็นค่าใช้จ่ายตายตัว ยิ่งร้านเล็กๆและสตรีทฟู้ดยิ่งแย่ อยู่ลำบาก แต่ถ้าเป็นร้านในห้าง ติดสัญญาเช่า คงต้องทำโปรโมชั่นเพื่อประคับประคองตัว”นางฐนิวรรณกล่าว

นางฐนิวรรณกล่าวว่า ทั้งนี้สมาคมฯได้หารือร่วมกับนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยใน 2 เรื่อง โดยเรื่องแรกหอการค้าต้องการให้ร้านอาหารเข้าร่วมโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ 3% ของธนาคารออมสินที่ได้จัดสรรวงเงินให้ เพื่อช่วยเหลือร้านค้าที่ไม่มีกระแสเงินสด เพื่อต่อลมหายใจธุรกิจ อีกเรื่องเป็นโครงการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรที่ราคาตกต่ำ หรือผู้ผลิตรายใหญ่เป็นสมาชิกหอการค้า เพื่อนำมาจำหน่ายในราคาถูกให้กับร้านเล็ก เพื่อช่วยร้านค้าลดต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ข้าว น้ำมัน เนื้อสัตว์ต่างๆ เป็นต้น คาดว่าจะเริ่มได้ใน 1-2 เดือนนี้

“มาตรการเที่ยวคนละครึ่งที่รัฐจะออกมาเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและใช้จ่ายในช่วงโลว์ซีซั่น ถือว่าดี แต่ถ้ายังใช้รูปแบบการขอเงินคืนเหมือนครั้งที่ผ่านมา ทางร้านอาหารคงไม่เข้าร่วมโครงการ เพราะขั้นตอนยากและใช้เวลานานมาก กว่าจะได้เงินคืน”นางฐนิวรรณกล่าว

ADVERTISMENT