เฉลิมชัย ลุยเดินหน้า ‘อี-ทิกเกต’ นำร่อง 6 อุทยานฯ 11 จุด ทุ่มงบ 200 ล้านใช้ระบบสแกนใบหน้านักท่องเที่ยว พร้อมเปิดใช้งาน 15 ต.ค. 68 นี้ ยืนยันโปร่งใส ตรวจสอบได้ ย้ำหวังเก็บรายได้อุทยานฯ 4,000-5,000 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จัดประชุมหัวหน้าอุทยานทางทะเล เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการจัดการระบบบริหารจัดการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ หรือ E-National Park โดยนำร่องใน 6 พื้นที่ทะเลฝั่งอันดามัน เริ่มใช้งานวันที่ 15 ต.ค. 2568 นี้
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เปิดให้มีการจัดซื้อจัดจ้าง หรือ E-bidding จะนำร่องใน 6 พื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล รวม 11 จุด ประกอบด้วย 1.อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา บริเวณเขาพิงกัน 2.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บริเวณเกาะไม้ไผ่ อ่าวมาหยา และเกาะปอดะ 3.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน บริเวณเกาเมียง (เกาะสี่) และเกาะสิมิลัน (เกาะแปด) 4.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา บริเวณเกาะรอก 5.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ บริเวณอ่าวช่องขาด และอ่าวไม้งาม 6.อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี บริเวณเกาะห้อง และเกาะเหลาลาดิง
นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า โดยจะใช้ระบบสแกนและจดจำใบหน้า ขณะนี้ระบบมีความพร้อมจะให้บริการนักท่องเที่ยว หลังได้รับอนุมัติงบประมาณติดตั้งเครื่องสแกน คาดว่า จะสามารถเปิดให้บริการทันช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือช่วงไฮซีซั่น ในวันที่ 15 ต.ค. 2568 เบื้องต้น ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้เข้าอุทยานแห่งชาติประมาณ 4,000 – 5,000 ล้านบาทในอนาคต เพื่อนำเงินรายได้มาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติไม่ให้เสื่อมโทรมและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมาท่องเที่ยวมากขึ้น ขณะเดียวกันจะนำเงินรายได้ส่วนหนึ่งมาเป็นสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของกรมอุทยานแห่งชาติ ซึ่งการใช้ระบบ E-ticket จะช่วยคัดกรองนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้ชัดเจนป้องกันการสวมสิทธิ์
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ในส่วนของแผนระบบ E-ticket ปีหน้าจะเพิ่มจุดให้บริการอีกประมาณ 70 – 80 แห่ง และภายในปี 2570 – 2572 จะดำเนินการให้ครบ 150 กว่าแห่งทั่วประเทศ ซึ่งกรมอุทยานฯ ได้เริ่มประชาสัมพันธ์การใช้ระบบ E-ticket ไปยังบริษัทนำเที่ยวและอุทยานแห่งชาติทุกแห่ง รวมทั้ง ช่องทางเว็บไซต์ของอุทยานฯ และเจ้าหน้าที่ผ่านการฝึกอบรบใช้ระบบนี้แล้ว
ด้าน นางวนบุษป์ อรรถวิทย์ ผอ.ส่วนจัดการท่องเที่ยวและนันทนาการ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเดิมระบบ E-Ticket เป็นการจองและจ่ายเงิน แต่พบว่าอุทยานฯบางแห่งไม่มีสัญญาณโทรศัพท์จึงไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ ดังนั้นระบบใหม่ที่กำลังพัฒนา คือ จองล่วงหน้าและชำระเงิน แต่จะเพิ่มการแสกนใบหน้า (Face Scan) เหมือนการสแกนใบหน้าที่สนามบิน โดยคนไทยจะเชื่อมข้อมูลกับแอปพลิเคชัน Thai ID ทำให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น แม้ไม่ได้พกบัตรประชาชนก็ยังคงสแกนหน้าได้ ส่วนท่องเที่ยวต่างชาติต้องใช้พาสปอร์ตเวลาท่องเที่ยวอยู่แล้ว
นางวนบุษป์ กล่าวว่า โดยกรมอุทยานฯ จะนำร่อง 6 อุทยานทางทะเล รวม 11 จุด ซึ่งใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท โดยได้ข้อสรุปว่าจะเสนอขอจัดสรรงบประมาณในส่วนของงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาทจากรัฐบาล สำหรับขั้นตอนการซื้อบัตร E -Ticket สามารถจองอุทยานได้ผ่านทางเว็บไซต์หรือผ่านทางแอพพลิเคชั่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำระบบ จากนั้นกรอกข้อมูลนักท่องเที่ยว หรือสแกนบัตรประชาชน และถ่ายรูปใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน จากนั้นจะมีการเลือกวิธีการชำระเงิน เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถสแกนใบหน้าเพื่อเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติได้เลย
อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าเทรนการท่องเที่ยวยุคใหม่ ต้องโปร่งใส ถูกกฎหมาย ไร้ทุจริต ซึ่งกรมอุทยานฯ มีความมุ่งมั่นทำด้วยใจ เพื่อให้การบริหารจัดการอุทยานฯ เป็นไปอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้