นฤมล ตั้งอนุฯ คุมคุณภาพทุเรียน – ประสานพาณิชย์รับมือ “ลำไย – ทุเรียน” ก.ค.นี้ แก้ปัญหาล้นตลาด

นฤมล ตั้งอนุฯ คุมคุณภาพทุเรียน – ประสานพาณิชย์รับมือ “ลำไย – ทุเรียน” ก.ค.นี้ แก้ปัญหาล้นตลาด

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ว่า ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบ (ร่าง) คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพสินค้าทุเรียน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน เพื่อให้เกิดการบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาการส่งออกทุเรียนไทย ให้การพัฒนาคุณภาพทุเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพได้มาตรฐานสากล และเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของทุเรียนไทยในระดับโลก นำไปสู่ความยั่งยืนของเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทุเรียนและภาพลักษณ์ประเทศไทยต่อไป

นางนฤมล กล่าวว่า ที่ประชุมยังประเมินสถานการณ์ผลไม้ปี 2568 คาดว่าทุเรียนและลำไยจะเริ่มออกสู่ตลาดในเดือนกรกฎาคม และมีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาดในช่วงที่ผลิตออกตามฤดูกาล จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์อย่างใกล้ชิดในการวางแผนรองรับทั้งในเรื่องการกระจายผลไม้ออกสู่ตลาด และด้านราคาเพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกร โดยกระทรวงเกษตรฯ ยังคงเน้นย้ำให้ความสำคัญในการดูแลสุขอนามัยพืชให้ปลอดสารเคมี (Food Safety) ตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกำชับให้เข้มงวดในการควบคุมคุณภาพสินค้าเกษตรก่อนออกสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษามาตรฐานสินค้าเกษตรไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศคู่ค้า

นางนฤมล กล่าวว่า รายงานสถานการณ์ผลไม้ภาคเหนือ (ข้อมูล ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2568) โดย ลำไย ปีนี้มีผลผลิตรวมกว่า 1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.36% โดยจะออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ส่วน ลิ้นจี่ มีผลผลิตประมาณ 30,000 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 139.13% โดยจะออกมากสุดช่วงพฤษภาคมถึงมิถุนายน ส่วนสถานการณ์ผลไม้ภาคใต้ (ทุเรียน เงาะ มังคุด และลองกอง) ปี 2568 ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2568) ทุเรียน มีผลผลิตรวมประมาณ 606,958 ตัน เพิ่มขึ้น 14.46% จะออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนกรกฎาคม ส่วน มังคุดเงาะ และลองกอง มีแนวโน้มผลผลิตลดลงจากปีก่อน โดยเฉพาะลองกองที่ลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง ประมาณ 49.10% และจะออกมากในเดือนตุลาคม

นางนฤมล กล่าวว่า ในที่ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้าผลไม้ไทยกับจีน เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชันตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตรที่ผ่านมาตรฐาน GAP เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ในใบรับรองและสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีการติดตามโครงการสนับสนุนการกระจายผลไม้ ปี 2568 เพื่อยกระดับราคาผลไม้ของสมาชิกสหกรณ์ โดยตั้งเป้ารวบรวมและกระจายผลไม้กว่า 1,393.10 ตัน ผ่านสถาบันเกษตรกร 34 แห่งใน 24 จังหวัด ใช้งบประมาณ 4.73 ล้านบาท จากเงินจ่ายขาดกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยมอบหมายกรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งดำเนินการต่อไป

ADVERTISMENT