พิชัย สั่งธอส. อัดฉีด 1.5 แสนล้านบาท กระตุ้นภาคอสังหาฯ

“พิชัย” สั่งธอส. อัดฉีด 1.5 แสนล้านบาท กระตุ้นภาคอสังหาฯ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน โดยลดเป้าหมายกำไรเพื่อจัดสรรเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชน โดยธอส. ในฐานะกลไกหลักของรัฐบาลผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ให้เดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจอีกกว่า 1.5 แสนล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อส่งอานิสงค์ด้านบวกต่อการจ้างงานและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมได้ต่อไป

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 อีกกว่า 1.5 แสนล้านบาท หลังจากในช่วง 6 เดือนแรกของปี สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ทั้งปี 2568 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ 2.4 แสนล้านบาท

นายกมลภพ กล่าวว่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายดังกล่าว ธอส. ได้จัดทำ 4 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วย สินเชื่อบ้าน Premier Home สำหรับลูกค้ากำลังซื้อสูง ที่ต้องการที่อยู่อาศัยวงเงินกู้ตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป สินเชื่อซ่อม-แต่ง และ ซ่อม-แต่ง Plus สำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อปรับปรุงซ่อมแซม โดยวงเงิน 1 แสนบาทแรก สินเชื่อ Pre Finance Premium สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในทำเลศักยภาพ 27 จังหวัด และ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ (DC3) สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) กรอบวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท

นายกมลภพ กล่าวว่า นอกจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ ธอส. ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาด้านรายได้อย่างต่อเนื่องและมีสถานะเป็น NPL ผ่าน “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ตามนโยบายของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมีลูกค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมกว่า 8.09 หมื่นบัญชี  ขณะเดียวกัน ธอส. ยังได้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมสำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ (SM) และ หนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ที่ไม่เข้าข่ายเกณฑ์ในโครงการคุณสู้ เราช่วย ซึ่งช่วยเหลือลูกค้าให้กลับมามีสถานะปกติและรักษาบ้านไว้ได้แล้วกว่า 3.73 แสนบัญชี

ADVERTISMENT

“ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ไม่ได้มุ่งเน้นทำกำไรสูงสุด แต่ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ให้อยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินอื่น พร้อมขยายระยะเวลากู้สูงสุดถึง 80-85 ปี เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับประชาชน”นายกมลภพ กล่าว