นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ และการประชุมหารือระหว่างสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และสายการบินแอร์เอเชียว่า การออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (เอโอซี) ให้กับสายการบินไทยแอร์เอเชียถือเป็นความคืบหน้าในการเดินหน้าสร้างมาตรฐานการบินของไทย หลังจากที่ก่อนหน้าได้มอบเอโอซีให้กับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ไปแล้วในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนหลังจากนี้จะมอบเอโอซีให้กับการบินไทยภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากนี้
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าในการประเมินสายการบินในกลุ่มแรกนี้ สายการบินที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจภาคปฏิบัติแล้วคือไทยสมายด์และไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ในขณะที่สายการบินที่อยู่ระหว่างการแก้ไขข้อบกพร่องและคาดว่าจะเข้าสู่การตรวจสอบภาคอากาศภายในเดือนพฤษภาคมคือ สายการบินนกแอร์และนกสกู๊ต ส่วนสายการบินในกลุ่มแรกที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจเอกสารคือเค-ไมล์ แอร์ และโอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ ซึ่งเป็นขั้นตอนเดียวกับอีก 3 สายการบินจากกลุ่มที่ 2 คือ ไทยไลอ้อนแอร์ นิวเจนแอร์เวย์ส และเอ็มเจ็ท
“กพท.ได้ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (เอสเอสซี) 33 ข้อมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปรับปรุงทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนการทำงาน คู่มือเช็คลิสต์ แบบฟอร์มสำคัญ รวมถึงการจัดการอบรมที่เหมาะสมให้กับพนักงานและผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนปรับปรุงการตรวจประเมินออกเอโอซีใหม่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) กำหนด โดยขณะนี้มีความก้าวหน้าในการแก้ไขเอสเอสซีแล้วมากกว่า 75% และล่าสุดได้แจ้งความคืบหน้าต่อไอเคโอผ่านระบบออนไลน์ เฟรมเวิร์คแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้คาดว่ากพท.จะสามารถยื่นเรื่องให้ทางไอเคโอมาตรวจสอบเพื่อขอปลดธงแดงได้ภายในเวลาที่กำหนดคือ 30 มิถุนายน 2560” นายจุฬากล่าว
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า การได้ใบรับรองดังกล่าวจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับอุตสาหกรรมการบินของไทย เพื่อให้สามารถปลดธงแดงได้ตามกรอบที่วางไว้ โดยในปีนี้แอร์เอเชียมีแผนขยายเที่ยวบินอย่างต่อเนื่อง และในส่วนตลาดจีนที่เป็นตลาดที่มีความสำคัญ ในภาพรวมมองว่าในช่วงครึ่งปีแรกตลาดยังทรงตัว จากปัจจัยการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาพบว่าตลาดจีนเติบโตขึ้น 6% ก็ตาม
