นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการเศรษฐกิจมหภาค ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า อีไอซียังคงประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2560 ที่ 3.3% โดยปัจจัยหนุนมาจากโครงการลงทุนภาครัฐที่มีความชัดเจน การส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวดีขึ้น คาดว่าทั้งปีจะขยายตัว 1.5% การบริโภคเอกชนที่ฟื้นตัวจากหนี้โครงการรถยนต์คันแรกที่ทยอยหมดลง ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับดีขึ้น ทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่ม คาดว่าการบริโภคเอกชนจะขยายตัว 3.1% ส่วนของการลงทุนเอกชนปีนี้ขยายตัวเพียง 1.4% จากการลงทุนของภาคการก่อสร้างอานิสงส์จากการลงทุนภาครัฐ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ภาคบริการ การท่องเที่ยวและค้าปลีก อย่างไรก็ตามการลงทุนโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวมากนัก เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตยังอยู่ในระดับต่ำ จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนเพิ่ม แรงกดันจากการขยายออกไปลงทุนต่างประเทศ ทำให้ไม่เกิดการจ้างงาน โดยตัวเลขเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 1.3% สูงกว่าช่วง 2 เดือนแรกปี 2560
และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีปี 2559 ที่ 1.0% ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคเอกชนและกำลังซื้อได้
นายพชรพจน์กล่าวว่า ความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยปีนี้มาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ความชัดเจนการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อไทยได้ ทำให้ต้องเตรียมตัวรับมือและปรับทัพการค้า สถานการณ์การเมืองในยุโรป รวมทั้งปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคต่างๆ
“อีไอซียังคงประมาณการเศรษฐกิจแม้ว่าทิศทางจะดีขึ้นแต่ยังมีความเสี่ยงอยู่ การลงทุนเอกชนฟื้นตัวช้า การว่างงานที่เพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลต่อกำลังซื้อ การส่งออกที่ฟื้นตัวดีแต่ยังไม่แน่ว่าจะเป็นความต้องการซื้อล่วงหน้าก่อนที่สหรัฐจะมีการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าหรือไม่ ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งงบกลางปี 1.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นราว 1.4% ของจีดีพี ที่จะออกมาเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคได้บ้างในช่วงสั้น ทำให้เกิดการจ้างงาน เพิ่มการทำงานล่วงเวลา” นายพชรพจน์กล่าว
