“โบอิ้ง”คาดอีก20ปีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการเครื่องบินเพิ่มกว่า 3.8พันลำผลพวงโลว์คอสต์แข่งดุ

นายแรนดี้ ทินเซ็ธ รองประธานฝ่ายการตลาด โบอิ้ง คอมเมอร์เชียล แอร์เพลน เปิดเผยว่า ในอีก 20 ปีนับจากนี้ หรือประมาณปีพ.ศ.2580 การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2.9% ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารเครื่องบินจะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 4% ทำรายได้ต่อคนต่อไมล์เพิ่มขึ้น 4.8% ต่อปี และรายได้จากการขนส่งสินค้าจะเพิ่มขึ้นในอัตรา 4.2% ต่อปี โดยตลาดที่จะมีการรับมอบเครื่องบินมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ตลาดเอเชีย 15,130 ลำ ตลาดอเมริกาเหนือ 8,330 ลำ และยุโรป 7,570 ลำ จะเห็นได้ว่าแนวโน้มตลาดกับความต้องการเครื่องบินพาณิชย์ในแต่ละภูมิภาคจะมีขนาดไล่เลี่ยกันมากยิ่งขึ้น ไม่แตกต่างกันเหมือนในอดีต ทั้งนี้ การเติบโตของตลาด เป็นผลมาจากความต้องการเครื่องบินใหม่ เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น การเปิดบริการในตลาดใหม่ๆ รวมถึงความต้องการในตลาดเครื่องทดแทนที่เพิ่มขึ้น

“ปริมาณความต้องการเครื่องบินใหม่ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในระยะ 20 ปีข้างหน้า มีประมาณ 3,860 ลำ รวมมูลค่า 565,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยเครื่องบินที่เป็นที่นิยมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องบินแบบทางเดินเดียว คิดเป็น 71% ของจำนวนเครื่องบินทั้งหมด รองลงมาเป็นเครื่องบินขนาดเล็กแบบลำตัวกว้างคิดเป็น 13% และเครื่องบินขนาดกลางแบบลำตัวกว้างคิดเป็น 9% และความต้องการเครื่องบินที่มากขึ้น ทำให้คาดว่ามูลค่าธุรกิจบริการเพื่อการพาณิชย์ในอีก 20 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่า 8 ล้านล้านดอลล่าร์ ซึ่งครอบคลุมบริการด้านการขนส่งสินค้าและบริการภาคพื้นดิน การซ่อมบำรุงและวิศวกรรม การบริหารด้านการบิน การตลาดและการวางแผน และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อจากสายการบินทั่วโลกรวมทุกประเภทเป็นจำนวน 5,715 ลำ มูลค่า 416 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าภายใน 7 ปี จะสามารถส่งมอบได้ทั้งหมด”นายแรนดี้ กล่าว

นายแรนดี้ กล่าวว่า สำหรับนโยบายรัฐบาลไทยที่ประกาศส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งอุตสาหกรรมการบินเป็นหนึ่งนั้น ทางโบอิ้งเอง ก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะธุรกิจการบินพาณิชย์ถือว่าเข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราไม่ได้ดูแต่ไทยเพียงประเทศเดียว ยังมีหลายๆ ประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจการบิน อย่างไรก็ตาม สำหรับการแข่งขันธุรกิจการบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยอมรับว่ามีความดุเดือด ทั้งไทย เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image