“บอร์ดขสมก.”ไฟเขียวเลิกสัญญาเบสท์รินเล็งส่งบัญชีกลางขึ้นแบ็คลีสต์-ขนส่งเตรียมเรียกคืนทะเบียนรถ

นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงการคมนาคม และรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ขสมก.ว่า ที่ประชุมได้รับทราบตามที่ ขสมก.เสนอเรื่องการยกเลิกสัญญาการรับมอบรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันกับบริษัทเบสท์รินกรุ๊ป เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบรถตามกรอบระยะเวลาตามข้อกำหนดของทีโออาร์ได้ ที่กำหนดการส่งมอบรถให้ครบ 489 คัน ภายใน 90 วัน หลังจากลงนามในสัญญา หรือวันที่ 29 ธันวาคม 2559 และไม่อยู่ในวิสัยที่จะส่งมอบรถได้ครบ ซึ่งหลังจากนี้ขสมก. ก็จะส่งหนังสือมายังกระทรวงคมนาคม และเสนอต่อไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิส) กับ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป และกิจการร่วมค้า จำนวน 3 บริษัท ไม่ให้รับงานจากหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศอีก

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีใหม่นั้น ก็จะจัดซื้อในจำนวนเท่าเดิม คือ 489 คัน และจะยึดร่างทีโออาร์ และสัญญาณในรูปแบบเดิมเป็นหลัก เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้าง จนถึงการรับมอบรถเกิดขึ้นได้เร็วที่สุด โดยในเดือนพฤศจิกายนจะต้องรับมอบรถให้แล้วเสร็จ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้แก่ประชาชนภายในปีนี้ ซึ่งขณะนี้ ขสมก. อยู่ระหว่างดำเนินการจะจัดทำร่างทีโออาร์ให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน จากนั้นจะดำเนินการประกวดราคา ทั้งนี้ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสังเกตให้การจัดหารถเมล์มีสัดส่วนที่ผลิตภายในประเทศด้วย ดังนั้นก็เป็นอำนาจของคณะกรรมการจัดทำอีโออาร์ ก็อาจจะต้องมีการกำหนดเงื่อนไขในทีโออาร์ ระบุให้มีสัดส่วนการผลิตรถภายในประเทศ นอกเหนือจากการนำเข้าด้วย

“ตามกรอบร่างทีโออาร์เดิม ก็ได้เปิดกว้างอยู่แล้วว่า สามารถส่งมอบทั้งรถที่ผลิตในประเทศ หรือ นำเข้ามาได้ ซึ่งเมื่อมีข้อสังเกตของพล.อ.ประยุทธ์ คณะกรรมการร่างทีโออาร์ ก็อาจจะนำข้อสังเกตนี้ไปพิจารณาในการจัดทำทีโออาร์ แต่ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเดิมมาก ซึ่งในส่วนนี้ผมมองว่า หากได้ผู้ชนะแล้วนั้น ในช่วงแรกอาจจะทำการผลิตรถภายในประเทศไม่ทันต่อการส่งมอบ ก็อาจต้องนำเข้ารถมาก่อน แต่หากล๊อตต่อไปๆ สามารถผลิตได้ทัน ก็อาจจะเป็นใช้รถจากที่ผลิตภายในประเทศแทน ส่วนราคากลางที่จะใช้ในการประมูล ขอยืนยันตามเดิม เนื่องจากได้มีการกำหนดอย่างเหมาะสมแล้ว ปัญหาที่ผ่านมาเกิดจากขั้นตอนการประมูลของเอกชนเอง” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะกรรมการบอร์ด ขสมก.กล่าวว่า ได้รับหนังสือแจ้งเรื่องการบอกเลิกสัญญาบริษัทเบสท์รินแล้ว ดังนั้นรถเมล์292 คันที่ได้ดำเนินการจดทะเบียนไปแล้วจะถือว่าสิ้นสภาพโดยอัตโนมัติ ไม่สามารถนำออกมาใช้งานได้ ขณะนี้ กรมขนส่งทางบกได้ดำเนินการแจ้งเพื่อขอเรียกคืนทะเบียนรถรถดังกล่าวจากกทางบริษัทเบสท์รินแล้ว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image