ชาวแม่สายโวยเขตศก.พิเศษรุกป่าชุมชน ยื่นค้านใช้ที่รง.ยาสูบเอื้อนายทุน จีนเผยพร้อมลงทุนเต็มที่

(1 มี.ค.59) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่าจากกรณีรัฐบาลดำเนินโครงการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษฟในพื้นที่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยกำหนดพื้นที่เอาไว้หลายจุดเพื่อให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) พิจารณาเลือกดำเนินโครงการนั้น ล่าสุดมีรายงานว่า กนพ.ได้พิจารณาเลือกพื้นที่อำเภอละ 1 จุดแล้วเสร็จแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ทางจังหวัดได้เสนอให้เลือกหลายพื้นที่และบางพื้นที่มีปัญหาถูกชาวบ้านออกมาคัดค้าน เช่น ที่สาธารณประโยชน์บุญเรือง ต.บุญเรือง อ.เชียงของ เนื้อที่ 3,021 ไร่ 1 งาน 75 ตารางวา โดยชาวบ้านระบุว่าเป็นป่าชุมชนต้นแม่น้ำอิงที่อุดมสมบูรณ์ ฯลฯ
รายงานระบุว่า พื้นที่ที่ กนพ.พิจารณาแล้วและเห็นชอบด้วยในหลักการประกอบด้วย อ.เชียงของ หันไปใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ “ที่เลี้ยงสัตว์บ้านทุ่งงิ้ว” ต.สถาน เนื้อที่ 531 ไร่ 3 งาน 27 ตารางวา โดยเคยเป็นพื้นที่ที่ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายขอใช้ประโยชน์แต่ยังไม่มีการอนุญาตดังนั้นทาง กนพ.จะมีการแจ้งต่อมหาวิทยาลัยให้ทราบต่อไป ทำให้การต่อต้านที่ ต.บุญเรือง ยุติลงไปโดยปริยาย และพื้นที่ อ.เชียงแสน เป็นที่ดินเขตปฏิรูปที่ดินติดติดแม่น้ำกกและแม่น้ำกก สภาพเป็นป่าข้าวโพดกว้างใหญ่ฝั่งตรงกันข้ามแม่น้ำกกกับท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 เนื้อที่ 651 ไร่ 3 งาน 52 ตารางวา ปัจุบันมีการออกเป็นเอกสาร ส.ป.ก.4-01 จำนวน 105 แปลง รวม 654 ไร่ 2 งาน 46 ตารางวาและที่เหลือเป็นที่ปลูกพืชไร่และนาข้าว ขณะเดียวกันมีประชาชนใช้ประโยชน์ประมาณ 100 ครัวเรือน จึงมีการเตรียมให้ ส.ป.ก.พิจารณาจัดสรรพื้นที่อื่นหรือชดเชยการเสียสิทธิแก่ประชาชนดังกล่าว โดยทั้ง 2 อำเภอดังกล่าวมีแนวทางมาตรา 44 เข้าไปถอนสภาพพื้นที่เดิม
ขณะที่พื้นที่ อ.แม่สาย มีการพิจารณาใช้พื้นที่ของโรงงานยาสูบ ติดถนนพหลโยธินสายแม่สาย-เชียงราย บ้านน้ำจำ ต.โป่งผา อ.แม่สาย เนื้อที่ 870 ไร่ 3 งาน 5 ตารางวา ปัจจุบันโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ใช้ประโยชน์ในพื้นที่และมีการเปิดให้ประชาชนปลูกใบยาสูบเป็นบริเวณกว้าง ปัจจุบันทางกรมธนารักษ์อยู่ระหว่างประสานกับโรงงานยาสูบในการส่งคืนพื้นที่อยู่
201603011136361-20021028190531
อย่างไรก็ตามล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมาพบว่าได้มีประชาชนจากพื้นที่ ต.โป่งงาม ต.โป่งผา อ.แม่สาย ประมาณ 80-100 คน ไปรวมตัวกันที่ที่ว่าการ อ.แม่สาย เพื่อยื่นหนังสือต่อนายชุติเดช มีจันทร์ นายอำเภอแม่สาย คัดค้านการใช้พื้นที่ของโรงงานยาสูบดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าในปัจจุบันชาวบ้านมีการปลูกพืชเศรษฐกิจส่วนใหญ่คือใบยาสูบดังนั้นหากย้ายออกไปเกรงจะได้รับผลกระทบ เพราะบางคนระบุว่าเป็นที่ดินผืนสุดท้ายที่ใช้ทำกิน จึงขอให้ช่วยเหลือชาวบ้านมากกว่าช่วยนายทุน ซึ่งทางนายอำเภอได้รับเรื่องไว้เพื่อนำเสนอจังหวัดตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 4-5 มี.ค.นี้ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางไปยัง จ.เชียงราย โดยในวันแรกจะเดินไปดูพื้นที่บ้านน้ำจำดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้รายงานระบุด้วยว่า ช่วงที่มีการศึกษาพื้นที่ดำเนินการดังกล่าว ทางภาครัฐและเอกชนใน จ.เชียงราย มีการประชุมหารือและกำหนดให้มีการประกอบการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวจำนวน 20 กิจการประกอบด้วยกิจการอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและเครื่องหนัง กิจการอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ กิจการผลิตพลาสติก กิจการโลจิสติกส์ กิจการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่่ยว กิจการอุตสาหกรรมการเกษตร กิจการประมงและกิจการที่เกี่ยวของ กิจการการผลิตเครื่องมือแพทย์ กิจการการผลิตยา และกิจการนิคมหรือเขตอุตสาหกรรม ส่วนที่เพิ่มคือกิจการผลิตภัณฑ์จากผลพลอยได้หรือเศษวัสดุทางการเกษตร กิจการอบพืชและไซโล กิจการผลิตโครงสร้างโลหะสำหรับงานก่อสร้าง กิจการผลิตสิ่งพิมพ์ทั่วไป กิจการผลิตอาหารสัตว์หรือส่วนผสมอาหารสัตว์ กิจการผลิตวัสดุก่อสร้าง คอนกรีตอัดแรง กิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินร่างกาย กิจการผลิตผลิตภัณฑพลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภค กิจการพัฒนาอาคารโรงงานและหรือคลังสินค้า และกิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อหรือกระดาษ
ด้านนายนิ่ง ฟู่ขุ่ย เอกอัคราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เปิดเผยในการบรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมาว่าในปัจจุบันกลุ่มทุนจีนมีศักยภาพและความพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์หรือสิทธิพิเศษให้เอกชนที่จะเข้าไปประกอบการทำให้ยังคงเฝ้าติดตามความคืบหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง หากว่าได้ข้อสรุปก็จะนำข้อมูลไปแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนของจีนเพื่อเข้ามาลงทุนต่อไป
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image