เงินเฟ้อเม.ย. เพิ่ม0.38% ผลราคาน้ำมัน-อาหารสำเร็จรูป คาดภัยแล้งดันไตรมาส 2 ขยับอีก1%

 

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) ทั่วไป เดือนเมษายน 2560 เท่ากับ 100.49 สูงขึ้น 0.16% เทียบเดือนมีนาคม 2560 และสูงขึ้น 0.38% เทียบเดือนเมษายน 2559 เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศสูงขึ้น 0.63% ผักสดสูงขึ้น 6.67% ข้าวสารเจ้าสูงขึ้น 0.57% และเป็นผลจากอาหารสำเร็จรูป และราคาค่าเช่าบ้านปรับตัวสูงขึ้น ทำให้หมวดสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องสูงขึ้น 0.73% แต่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ลดลง 0.26% ต่ำสุดในรอบ 15 ปี เพราะสินค้าสำคัญ เช่น ไข่ไก่ เนื้อหมู และมะนาวราคาลดลง เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีฐานราคาสูงจากภัยแล้ง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน หักกลุ่มอาหารสดและพลังงานออกไป เท่ากับ 101.13 สูงขึ้น 0.02% เทียบเดือนมีนาคม 2560 และสูงขึ้น 0.50% เทียบเดือนเมษายน 2559 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อขาขึ้น ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย 4 เดือน ( มกราคม-เมษายน)ปีนี้ สูงขึ้น 1.03%

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า สำหรับรายการสินค้าที่ทำการสำรวจ 422 รายการ มีราคาเพิ่มขึ้น 124 รายการ เช่น ข้าวสารเจ้า ปลาทู ค่าเช่าบ้าน น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ มีราคาลดลง 99 ราย เช่น กุ้งขาว น้ำปลา ปลานิล ไข่ไก่ ผลไม้สด กระเทียม เป็นต้น และมีราคาไม่เปลี่ยนแปลง 199 รายการ

“คาดการณ์เงินเฟ้อไตรมาส 2 ปีนี้ สูงขึ้นประมาณ 1% จากปัจจัยราคาน้ำมันในปีนี้สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และคนจะจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น ผลจากหมดหนี้รถยนต์คันแรกแล้ว ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น ส่งออกดีขึ้น และมีงบประมาณภาครัฐ 1.8 แสนล้านบาทกระจายสู่ต่างจังหวัด และปัจจัยภัยแล้งที่ดันราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ เงินเฟ้อก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะสูงขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ขยายกรอบคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2560 เป็น 1.5-2.2% จากเดิม 1.5-2.0% บนพื้นฐานเศรษฐกิจขยายตัว 3-4% ราคาน้ำมันดิบดูไบ 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 35.5-37.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ” นางสาวพิมพ์ชนกกล่าว

Advertisement

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวอีกว่า สนค. ประเมินค่าไฟฟ้าที่จะเริ่มปรับขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีผลต่อดัชนีเงินเฟ้อที่ 0.05% เท่านั้น ซึ่งมีผลน้อยมาก อย่างไรก็ดีกระทรวงพาณิชย์จะดูแลราคาสินค้าไม่ให้แพงจนเกินไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image