เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า กระทรวงได้ออกมาตรการช่วยเหลือราคายางตกต่ำ 3 แนวทางหลัก คือ 1.แก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ควบมคุมยาง พ.ศ. 2542 โดยให้การการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และกรมวิชาการเกษตรเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อตรวจสอบสต็อคยางของผู้ส่งออก ว่ามีการกักตุน หรือทุบราคายางหรือไม่ ตลอดจนหาข่าวที่มาสร้างความบิดเบือนจนราคายางตก
2.เร่งรัดให้มีการใช้ยางในประเทศอย่างจริงจัง โดยจะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องอุปสรรค ปัญหา เพื่อให้เกิดการใช้รูปธรรม ที่ผ่านมา ยอมรับว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้หน่วยงานรัฐซื้อยางใช้ภายในประเทศ แต่ก็ติดขัดในเรื่องกฎหมายต่างๆ จนทำให้ล่าช้า และยังไม่เป็นรูปธรรม เช่น สินค้ายางจะต้องได้รับมาตรฐานให้เป็นไปตามระเบียบราชการ ซึ่งกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปตรวจสอบสินค้านั้นๆ ก้ใช้ระยะเวลานาน เป็นต้น 3. โครงการสนับสนุนสินเชื่อตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติ อาทิ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท โครงการสนับสนุนสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยางพารา วงเงิน 1 หมื่นล้าน
“วันนี้ ผมสั่งการให้ผู้ว่ากยท. เดินทางไปอินโดนีเซียวันที่ 17-18 มิถุนายนนี้ เพื่อร่วมประชุมสภาไตรภาคียางพารา ระหว่าง อินโดฯ มาเลเซีย และไทย เพื่อพูดคุยการแก้ปัญหาด้านยางพารา ประเด็นกำหนดโควตาการส่งออก ปริมาณการผลิต การขายยาง ให้มีการซื้อจริง ขายจริง ไม่ใช่แค่ซื้อผ่านกระดาษ ส่วนจะรัฐบาลทหาร หรือไม่รัฐบาลทหาร เราต้องทำตามระเบียบราชการ ต้องเดินตามกติกา ยกเว้นต้องใช้มาตรา 44 แต่วันนี้ เรามีแผน สถานการณ์ยางแตกต่างกันนะ วันนี้ แม้ราคาจะลงมา 50 กว่าบาท แต่มันก็ดีขึ้นๆ เรารู้ปัญหา ทุกคนช่วยกัน ปิดช่องโหว่ให้มาก ราคายางเท่าไหร่ต้องทำแผนต่างๆ ควบคู่กันไป ผมได้พูดคุยกับนายกสมาคมชาวสวนยาง เขาไม่เห็นด้วยเลยกับการที่จะให้รัฐเข้าไปแทรกแซงราคา เข้าไปซื้อ เรามีบทเรียนมาแล้ว สุดท้ายต้องมาเสียค่าใช้จ่าย รวมถึงปัญหาที่บอกว่ารัฐบาลสต็อกยาง สมาคมได้ย้ำว่าอย่าทำนะเรื่องนี้ รัฐบาลอย่าซื้อเก็บ ซึ่งเป็นข้อคิดเห็นจากภาคเกษตรกรเอง”พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ไปหาคนปล่อยข่าวจนทำราคายางตกนั้น พลเอกฉัตรชัย กล่าวว่า “นายกสั่งใคร ไม่ได้สั่งผม สั่งกระทรวงเกษตร คงสั่งผ่านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)”
พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า การตัดสินใจเขามารับตำแหน่ง ประธาน กยท. 2 ปีที่ผ่านมาราคายางพารามีการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากมาตรการตั้งโต๊ะรับซื้อยาง ที่ราคา 45 บาท/กิโลกรัม(กก.) ทำให้ราคายางดีดกลับขึ้นมาอย่างมาก ในช่วงนั้น แต่เมืองรัฐบาลตั้งโต๊ะรับซื้อในราคา 45 บาท/กก. แต่เกษตรกรกลับเอายางพาราไปขายให้กับพ่อค้าที่เป็นขาประจำ ในราคา 39 บาท/กก. ซึ่งนั้นแสดงว่า ราคา 39 บาท/กก. ชาวสวนยางสามารถอยู่ได้ ดังนั้น ขณะนี้ราคายางพาราที่ 58 บาท/กก. ชาวสวนยางก็น่าจะสมเหตุสมผลแล้ว
“ผมพูดตรงๆ ว่า วันที่ผมเข้ามาเป็นประธานฯ มัน 30 กว่าบาท แล้วมันก็วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ เชื่อหรือไม่ว่าตอนนั้น รัฐบาลเข้าไปช่วยซื้อที่ 45 กว่าบาท ปรากฏว่าเราซื้อได้ไม่กี่ตัน เพราะว่าเกษตรกรเอาไปขายกับคนที่เขาเคยขายที่ 39 บาท ถ้าผมจะพูดว่า 39 บาท ผมเชื่อว่าเขาอยู่ได้ ถามว่าผมรู้ได้ไง ผมไม่มียางสักต้น แต่นี่เป็นเพราะข้อมูลที่เราได้มา ก็มีปัญหาเยอะ แต่เราก็พยายามแก้ไขอยู่ อย่างวันนี้ราคายาง 58 บาท มากกว่าที่เราเคยรับซื้อ 45 บาท มากกว่าที่เขาเคยขายที่ 39 บาท แต่ทีนี้ มีนักวิชาการออกมาบอกว่า ต้นทุนของเกษตรกรราวๆ 62 บาท เมื่อเป็นอย่างนั้น เราก็พยายามจะทำ หรือว่าช่วยราคาที่เขาอยู่ได้ แต่ว่าที่ผ่านมา ผมก็เล่าให้ฟังว่า 39 บาท เขาอยู่ได้ แต่ไม่ใช่บอกว่า 39 บาท ก็ให้อยู่แค่นั้นสิ แต่เราก็พยายามทำให้อยู่ได้จริงๆ ตามต้นทุนที่นักวิชาการคิด ผมกับทางพลเอกฉัตรชัย ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่ราคายางตก ก็มีการพูดคุยกันตลอด หาทางแก้ไข”พล.อ.ฉัตรเฉลิมกล่าว
