นายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. เปิดเผยทิศทางการดำเนินงานปี 2559 ว่า หลังจากที่ร่างแผนพัฒนารัฐบาลดิจิตอลของประเทศไทย ระยะ 3 ปี พ.ศ. 2559-2561 เข้าสู่กระบวนการเห็นชอบของรัฐบาลนั้น ทาง สรอ. ได้ผลักดันมาตรการในแผนเพื่อต่อยอดความสำเร็จในการพัฒนารัฐบาลดิจิตอลแบบต่อเนื่อง โดยปี 2559 จะเลือกยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถรองรับการไปสู่รัฐบาลดิจิตอลเป็นยุทธศาสตร์หลักของปีนี้ โดยจะปรับจากโครงการดาต้าเซ็นเตอร์แห่งชาติ มาเป็นระบบข้อมูลสำรอง (เซิร์ฟเวอร์) หน่วยงานรัฐ ซึ่งจะให้หน่วยงานรัฐทุกแห่ง ประมาณ 300 แห่ง เปลี่ยนการลงทุนเรื่องการทำ Back-up site หรือการทำจุดสำรองข้อมูลเอง มาไว้ที่ สรอ. เพื่อเตรียมการรองรับการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในด้านการเชื่อมโยงข้อมูลและการดำเนินงาน ทำให้เห็นข้อมูลประชาชนเป็นภาพเดียวที่สมบูรณ์
นายศักดิ์กล่าวว่า ระบบสำรองข้อมูลภาครัฐที่ สรอ.จะดำเนินการ เป็นส่วนของข้อมูลสำคัญที่ต้องปกปิด เช่น ระบบทะเบียนราษฎร และข้อมูลสาธารณสุข เป็นต้น ด้านงบลงทุนอยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นเวลา 3 เดือน คาดแหล่งเงินลงทุน อาจมาจากการใช้งบประมาณโดยตรงของทางภาครัฐ หรือ เงินที่ได้จากการประมูล 4 จี ทั้งนี้ ระบบสำรองข้อมูลอื่น ได้แก่ ข้อมูลด้านความมั่นคง อาจให้หน่วยงานนั้นๆ เป็นผู้ดูแลเอง และข้อมูลทั่วไปที่สามารถเปิดเผยได้ หน่วยงานรัฐอาจเลือกใช้บริการกับทางภาคเอกชน โดย สรอ.จะมีการกำหนดมาตรฐานกลางในการให้บริการ
“ปัจจุบัน สรอ.ได้เริ่มดำเนินการให้บริการ สำรองข้อมูลให้กับหน่วยงานรัฐผ่านระบบคลาวด์คอมพิวติ้งอยู่แล้ว แต่ยังไม่เป็นภาคบังคับ ตอนนี้บริการนี้ได้รับความนิยมจากหน่วยงานรัฐที่ใช้ระบบ จี-คลาวด์ ของสรอ. จำนวนมาก ในแผนต่อไปจะมีการลงทุนในสาธารณูปโภคส่วนนี้มากขึ้น คาดว่าปีนี้ จะมีจุดให้หน่วยงานรัฐได้ทำสำรองข้อมูลได้ถึง 3 จุดใน 3 จังหวัด” นายศักดิ์กล่าว
นายศักดิ์กล่าวว่า สรอ.จะเร่งให้เกิดการบูรณาการข้อมูลประชาชนและนิติบุคคลจากหลากหลายหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้เป็นภาพเดียว หรือ Single View of Citizen เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของงานบริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ขณะนี้ข้อมูลที่มีอยู่ในระบบมีปริมาณมาก หลากหลาย และซับซ้อน ถูกเก็บอยู่ในหลายหน่วยงานที่มีมาตรฐานต่างกัน และมีกฎระเบียบที่จำกัดการบูรณาการข้อมูลในเชิงปฏิบัติ ดังนั้น สรอ.จะเข้ามาประสานงานให้เกิดระบบเชื่อมโยงข้อมูลกลางเพื่อบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานโดยใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก และสร้างระบบรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลบุคคลขึ้นมา
