มติกบง.ลอยตัวราคาก๊าซเอ็นจีวีแล้ว แต่ให้ปตท.รับส่วนต่างราคาแทนก่อน

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้ลอยตัวราคาก๊าซเอ็นจีวีแบบมีเงื่อนไข มีผลวันที่ 21 มกราคมนี้ เนื่องจากราคาเนื้อก๊าซเอ็นจีวีในตลาดโลกมีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ราคาน้ำมันที่ยังเป็นขาลงในกรอบ 30-40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยมอบหมายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลกลไกราคาเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2559 หากเดือนใดมีต้นทุนเนื้อก๊าซเกินกว่า 13.50 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ให้ ปตท. เป็นผู้รับภาระส่วนเกิน เพื่อช่วยให้เกิดการลงทุนสถานีจากเอกชนรายอื่นที่เชื่อมต่อกับท่อก๊าซของ ปตท. มากขึ้น

นายทวารัฐกล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติให้จัดทำโรดแมปการดำเนินธุรกิจก๊าซแอลพีจีให้มีการแข่งขันเสรีมากขึ้น โดยเฉพาะราคาแอลพีจีนำเข้าและราคาหน้าโรงกลั่นที่ควรมีการแข่งขัน เพื่อให้เกิดการสะท้อนต้นทุนที่ชัดเจน โดยโรดแมปดังกล่าวประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1)การยกเลิกมาตรการที่ไม่เอื้อให้มีผู้นำเข้าแอลพีจีรายที่ 2 จากปัจจุบันที่ ปตท. ผูกขาดการนำเข้าแต่เพียงผู้เดียว โดยจากนี้กำหนดให้ ปตท. ต้องเปิดให้บุคคลที่ 3 สามารถเข้ามาใช้บริการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ได้ พร้อมยกเลิกค่าขนส่งรายภูมิภาค 2)เมื่อมีผู้ค้าก๊าซมากกว่า 1 ราย ให้ สนพ. ติดตามภาวะการแข่งขัน เพื่อพิจารณาปรับสูตรราคานำเข้าอีกครั้งหนึ่ง 3)ให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้พิจารณากลไกประมูลสิทธิการนำเข้า และ 4)เมื่อเข้าสู่การค้าเสรีเต็มรูปแบบ ให้ผู้ค้าก๊าซนำเข้าในราคาที่เหมาะสมแต่ยังสามารถแข่งขันได้

นายทวารัฐยังกล่าวว่า จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงต่อเนื่อง และค่าการตลาดที่ยังอยู่ในระดับสูง ที่ประชุมจึงมีมติให้ปรับขึ้นอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันอีก 60 สตางค์ต่อลิตร สำหรับน้ำมันเบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 และดีเซล ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนเพิ่มขึ้น 1,152 ล้านบาทต่อเดือน โดยสถานะกองทุนเฉพาะน้ำมันล่าสุดอยู่ที่ 34,944 หมื่นล้านบาท สำหรับการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่มครั้งนี้จะไม่ส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันให้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image