ที่กระทรวงพาณิชย์ นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ ตามรายงาน Doing Business ในปี 2561 ของธนาคารโลกถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากประเทศไทยได้รับการประเมินอันดับสูงขึ้นใน 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ อันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ขยับขึ้นเป็นอันดับที่ 26 จากลำดับที่ 46 ในปี 2560 และด้านการเริ่มต้นธุรกิจ (Starting a Business) ขยับขึ้นลำดับที่ 36 ดีขึ้น 42 อันดับ จากลำดับที่ 78 ในปี 2560 และเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
นางกุลณี กล่าวว่า กรมฯมีแผนจะดำเนินการลดระยะเวลาการเริ่มต้นธุรกิจ ที่มี 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย การจองชื่อบริษัท, การชำระเงินทุนเข้าธนาคาร,จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท,การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการขึ้นทะเบียนลูกจ้าง ให้เหลือเพียง 3.5 วัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 วัน ซึ่งจะรีบดำเนินการให้ทันกับการประเมินของธนาคารโลกรอบต่อไปที่จะมีขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคมของทุกปี ทั้งนี้รัฐบาลมีความคาดหวังว่าอยากให้ไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ง่ายต่อการเริ่มต้นประกอบธุรกิจ เมื่ออันดับสูงขึ้นจะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจในไทยมากขึ้น
นางกุลณี กล่าวว่า อย่างไรก็ตามกรมฯ จะต้องทำงานบูรณาการร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร และสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ให้มีการเชื่อมโยงระบบการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ทั้งการขึ้นทะเบียนลูกจ้าง และการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ผ่านแพลทฟอร์มเดียวกัน โดยจะดำเนินการพร้อมกับการสร้างการรับรู้ให้กับภาคเอกชนในวงกว้างมากขึ้น เพื่อให้ผลการประเมินของธนาคารโลกออกมาดีขึ้น
นางกุลณี กล่าวว่า สำหรับการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในไทยปีนี้คาดว่าจะมีจำนวน 66,000 ราย โดยที่ผ่านมาการจดทะเบียนผ่านระบบ e-registration ที่เริ่มขึ้นในเดือนเมษายนพบว่ามีผู้มาใช้บริการผ่านระบบนี้ จำนวน 24,111 ราย โดยมีการใช้งานจริงผ่านระบบยืนยันตัวตนจำนวน 11,610 ราย กรมฯตั้งเป้าหมายว่าการใช้งานผ่านระบบนี้ จะเพิ่มขึ้นได้ถึง 50% ภายในปีหน้า
