สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 มี.ค.) ปรับเพิ่มขึ้นแรงกว่า150จุด หลังตลาดได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า4% และกลับมายืนราคาเหนือ40ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นอกจากนี้ ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็เป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนตลาดด้วย
ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 17,481.49 จุด บวก 155.73 จุด หรือ +0.90% ดัชนี แนสแดค ปิดที่ระดับ 4,774.98 จุด บวก 11.02 จุด หรือ +0.23% และดัชนี เอสแอนด์พี500 ปิดที่ระดับ 2,040.59 จุด บวก 13.37 จุด หรือ +0.66%
ด้านราคาาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับเพิ่มขึ้น 1.74 ดอลลาร์ หรือ 4.5% ปิดตลาดที่ระดับ 40.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะจัดการประชุมในเดือนหน้าเพื่อจำกัดการผลิตน้ำมัน ซึ่งน่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย. บวกเพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 3% ไปปิดตลาดที่ระดับ 41.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ราคาทองคำที่ตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก(COMEX)ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับเพิ่มขึ้นแรงถึง 35.20 ดอลลาร์ หรือ 2.86% ปิดตลาดที่ระดับ 1,265 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังนักลงทุนขานรับกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และได้ลดการคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ลงเหลือเพียง 2 ครั้ง
