‘ดีอี’เผยรายละเอียด’สมาร์ทซิตี้’ประเดิมปี’61 พัฒนา 7 หัวเมืองเหนือจรดใต้

5ปีดีอีดันตั้งสมาร์ทซิตี้

เมื่อวันที่ 2 มกราคม น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยความคืบหน้าการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ทซิตี้) ว่าได้เริ่มดำเนินการแล้ว ตามที่กระทรวงดีอี โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ได้เสนอโครงการสมาร์ทซิตี้ ระยะ 5 ปี ในที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานไปแล้ว สำหรับปีแรก ตั้งเป้าหมายสมาร์ทซิตี้ในพื้นที่ตัวแทนภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และมีแผนจะขยายให้ครอบคลุมในพื้นที่ 77 จังหวัดภายใน 5 ปี โดยหน่วยงานของดีอีที่รับผิดชอบมีหลายหน่วยงาน อาทิ ดีป้า สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. เป็นต้น

ตั้งบิ๊กจินเป็นประธาน

นายภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการกลุ่มโครงการพิเศษและผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาดิจิทัลและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า ในส่วนของภาครัฐ ได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้ มี พล.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรัฐมนตรีจาก 3 กระทรวง ด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม และกระทรวงดีอี เป็นกรรมการ ส่วนกระทรวงอื่นๆ มีปลัดกระทรวงนั่งเป็นกรรมการ ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และดีป้า เป็นเลขานุการของคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งคณะกรรมการจะทำหน้าที่กำหนดแผนแม่บท และจัดตั้งคณะทำงานพีเอ็มซี (Program management committee) ให้กับแต่ละเมืองเพื่อพัฒนาสมาร์ทซิตี้ ที่จะเป็นผู้ออกระเบียบต่างๆ ของเมือง และจัดทำแพลตฟอร์มกลางที่เป็นระบบเดียวกันกับเมืองอื่น เพื่อให้เอกชนเข้ามาเชื่อมต่อข้อมูลนำไปพัฒนาต่อยอดได้ ซึ่งการพัฒนาสมาร์ทซิตี้จะต้องฟังความคิดเห็นของเมืองว่าต้องการจะเป็นสมาร์ทซิตี้แบบใด อาทิ สมาร์ทลีฟวิ่ง (เมืองน่าอยู่) สมาร์ทโมบิลิตี้ (เมืองที่สามารถติดต่อสื่อสารและเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย) สมาร์ทพีเพิล (เมืองที่ให้ความเท่าเทียมกันในสังคม) สมาร์ทเอนไวรอนเมนท์ (เมืองประหยัดพลังงาน) สมาร์ทอีโคโนมี (เมืองที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ) และสมาร์ทกอฟเวอร์แนนซ์ (เมืองที่บริหารจัดการโปร่งใส) สมาร์ทเซฟตี้ (เมืองปลอดภัย) เป็นต้น

Advertisement
นายภาสกร ประถมบุตร

ดีป้าตั้งเป้าพัฒนา7แห่งในปีนี้

นายภาสกร กล่าวว่า เป้าหมายในปี 2561 จะพัฒนาสมาร์ทซิตี้ใน 7 เมือง ซึ่งภูเก็ต เชียงใหม่ และขอนแก่น ได้เริ่มดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเชียงใหม่เป็นสมาร์ททัวร์ริสม์ ขอนแก่นเป็นสมาร์ทโมบิลิตี้ และภูเก็ตเป็นสมาร์ทเซฟตี้ ขณะที่พื้นที่ 3 เมืองในอีอีซี จะนำร่องพัฒนาสมาร์ทซิตี้ได้หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างที่ศึกษาความต้องการของเมืองว่าจะเป็นเมืองแบบใด จะนำร่องพัมนาด้วยสมาร์ทลีฟวิ่ง เมืองปลอดภัยและลดอุบัติเหตุ เพราะเป็นพื้นฐานที่ทุกเมืองต้องการ โดยชลบุรีจะนำร่องในพื้นที่นิคมแหลมฉบังและ 7 ชุมชนโดยรอบ จะมีการติดตั้งสมาร์ทโพล เป็นเสาที่มีไฟฟ้าเลี้ยงและเชื่อมต่อกับสายสื่อสาร ติดตั้งกล้องวงจรปิดใช้ติดตามการจราจรและดูแลเรื่องอาชญากรรมได้ ถือเป็นดิจิทัลอินฟราสตรักเจอร์ของเมือง ในระยองจะติดตั้งสมาร์ทโพลช่วงถนนสุขุมวิท ที่ผ่านใจกลางเมือง และฉะเชิงเทราจะพัฒนาเป็นสมาร์ทฟาร์มมิ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้พื้นที่ใด จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น (ไอโอที) เช่น การวัดค่าความเป็นกรดด่างของดิน การใช้โดรนในการทำนายผลผลิต หรือพ่นยาได้ ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ระหว่างการหารือกับกรุงเทพมหานคร จะเริ่มต้นด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (จีไอเอส) โดยจะรวบรวมข้อมูลด้านต่าง ๆ ของเมือง เช่น กล้องวงจรปิด ข้อมูลจราจร ข้อมูลการระบายน้ำ เป็นต้น มารวมกันไว้ในแผนที่เดียวและสามารถระบุพิกัดได้ เหมือนเป็นวอร์รูม จะสามารถใช้ในการบริหารจัดการเมืองได้

เล็งเปิดประกวดแผนงานพัฒนา

Advertisement

นายภาสกร กล่าวด้วยว่า ภาครัฐจะเป็นผู้วางโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนเอกชนจะดึงให้เข้าร่วมด้วยแนวทางประชารัฐ เพราะรัฐไม่จำเป็นต้องดำเนินการเองทั้งหมด สามารถเปิดให้เอกชนมาร่วมสร้างสมาร์ทซิตี้ เช่น การนำข้อมูลไปพัฒนาบริการเพื่อนำมาใช้กับเมือง ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคมนี้จะมีการจัดการประกวดแผนงานพัฒนาสมาร์ทซิตี้ในพื้นที่ต่างๆ โดยให้เอกชนเสนอแผนเข้ามา และจะประกาศผลในช่วงเดือนกันยายน 2561 ในงานดิจิทัลไทยแลนด์บิ๊กแบง ซึ่งเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับงบประมาณสนับสนุนจากดีป้า โดยงบประมาณมาจากเงินกองทุนดิจิทัล นำไปพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้กับเมือง และจะมีข้อกำหนดให้เมืองนำเทคโนโลยีที่เอกชนพัฒนาขึ้นมาใช้ในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 3 หรือ 5 ปี เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการเร่งให้สมาร์ทซิตี้เกิดขึ้นได้เร็วขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image