“เคจีไอ” แนะนำนักลงทุน ไตรมาสแรกเลือกช้อปหุ้นบิ๊กแค็ป

“เคจีไอ” แนะนำนักลงทุน ไตรมาสแรกเลือกช้อปหุ้นบิ๊กแค็ป BBL PTTEP CPALL LH BDMS AMATA จากปัจจัยพื้นฐานดี คาดจีดีพี’61 ขยายตัว 4.8%

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดหุ้นปี 2561 ว่า เนื่องจากปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นปิดปีใกล้เคียงกับระดับเป้าหมายที่เคจีไอประเมินไว้ที่ระดับ 1,750 จุด ทำให้ปีนี้มองมุมมองเชิงบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาส 1/2561 ที่ดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 1,790 จุด เนื่องจากเชื่อว่าทิศทางนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นไทยไปค่อยข้างมากในปีที่แล้ว โดยคาดว่าจะพลิกกลับมาซื้อหุ้นไทยมากขึ้น ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนเองก็มีการเร่งตัวมากขึ้น โดยประเมินว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะขยายตัว 13% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่คาดว่ากำไรฯ จะอยู่ที่ 5% จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวและการฟื้นตัวที่เป็นวงกว้างมากขึ้น ส่งผลให้ให้ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างเด่นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในต่างประเทศ

“ปัจจัยภายในประเทศค่อนข้างดี โร้ดแม็ปของรัฐบาลที่จะจัดการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 น่าจะทำให้ความมั่นใจต่อทิศทางทางการเมือง และเศรษฐกิจเร่งตัวขึ้นต่อตลอดทั้งปีนี้ โดยประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้จะอยู่ที่ 4.8% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 4% ดังนั้นหากมีพัฒนาการทางเศรษฐกิจ ดัชนีตลาดหุ้นสิ้นไตรมาส 1 ที่ประเมินไว้ 1,790 จุด จะเป็นเป้าขั้นต่ำ ส่วนดัชนีตลาดหุ้นสิ้นปีนี้เบื้องต้นประเมินไว้ที่ 1,850 จุด อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานจะดูดีและนักวิเคราะห์มีมุมมองในเชิงบวก แต่ตลาดหุ้นอยู่ในระดับค่อนข้างสูง อาจจะมีแรงขายทำกำไรระหว่างทาง ดังนั้นนักลงทุนต้องติดตามข่าวสารใกล้ชิด และระมัดระวังความผันผวนที่สูง” นายรักพงศ์กล่าว

นายรักพงศ์กล่าวว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงในปีนี้มี 2 ปัจจัยคือสัญญาณเงินเฟ้อของจีน จะต้องติดตามในไตรมาส 2 ว่า จีนจะมีการปรับนโยบายการเงินคุมเข้มหรือไม่ หากมีการปรับนโยบายการเงินที่คุมเข้มน่าจะเป็นจุดที่ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดเอเชียได้ ส่วนอีกปัจจัยคืออยากให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์การเมืองในยุโรป เนื่องจากในปีนี้เป็นปีที่การเมืองยุโรปเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก ไม่ว่าเป็นการจัดตั้งรัฐบาลเยอรมันนีที่ค้างจากปลายปีที่แล้ว และการเลือกตั้งในอิตาลีที่อยู่ระหว่างการเลือกว่าจะออกจากยูโรโซนหรือไม่

Advertisement

นายรักพงศ์กล่าวว่า ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 1 มองว่าหุ้นขนาดใหญ่ค่อนข้างเด่น จากกระแสเงินทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) จึงควรจะจับจังหวะการซื้อขายตามการขึ้นลงของดัชนีตลาดหุ้น หากดัชนีปรับตัวขึ้นไปถึง 1,800 จุด หรือเลยไปกว่านั้น นักลงทุนควรจะขายทำกำไรหรือถอยมาดูสถานการณ์ อย่างไรก็ตามมองโอกาสที่ดัชนีฯ จะวิ่งเลย 1,800 จุดขึ้นไปในไตรมาส 1 ยังค่อนข้างยาก

นายรักพงศ์กล่าวว่า ส่วนหุ้นแนะนำในไตรมาส 1 ทางเคจีไอจะคัดเลือกหุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานแกร่งทั้งหมด 6 ตัว ได้แก่ กลุ่มธนาคารเลือก BBL ราคาเป้าหมาย 240 บาท , กลุ่มพลังงานเลือก PTTEP ราคาเป้าหมาย 113 บาท, กลุ่มค้าปลีกเลือก CPALL ราคาเป้าหมาย 86 บาท,กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เลือก LH ราคาเป้าหมาย 12 บาท, กลุ่มโรงพยาบาลเลือก BDMS ราคาเป้าหมาย 25 บาท, และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเลือก AMATA ราคาเป้าหมาย 26 บาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image