นายรณกฤต สารินวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้จะเป็นช่วงการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคาร ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจะเห็นราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นมาเร็วมาก ส่วนปัจจัยอื่นๆ ทั้งการประกาศตัวเลขภาวะเศรษฐกิจของประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ทราบอยู่แล้วว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะขยายตัวประมาณ 3-4% โดยประมาณ จึงไม่ใช่เป็นประเด็นหลักเท่ากับผลประกอบการของธนาคาร ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังไม่ค่อยมีอะไร เรื่องการปรับดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตลาดก็รับรู้ไปแล้ว
“โดยเฉลี่ยหุ้นกลุ่มธนาคารมีการขยายตัวของผลกำไรไตรมาสที่ 4 ไม่มากหรือประมาณ 5% แต่ถ้าเทียบกับราคาหุ้นถือว่าขยายตัวขึ้นมาก เพราะฉะนั้นต้องระวังว่าหลังประกาศงบออกมาแล้ว จะมีการขายทำกำไร (Sell on Fact) หรือไม่ เพราะราคาหุ้นกลุ่มธนาคารในปัจจุบันเหลือพื้นที่ปรับขึ้น (อัพไซด์) ไม่เกิน 5% เช่นกัน แสดงว่าอัพไซด์มีจำกัด เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อหุ้นในช่วงดัชนีตลาดหุ้นทำสถิติสูง (นิวไฮ) เท่ากับซื้อหุ้นที่ต้นทุนใหม่ มีความเสี่ยงในการซื้อหุ้นใหม่ จึงมีคำแนะนำว่าต้องเทรดดิ้งเท่านั้น” นายรณกฤตกล่าว
นายรณกฤตกล่าวว่า ส่วนผลประกอบการของหุ้นกลุ่มอื่นๆ คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงกัน โดยประเมินว่าผลกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2560 อยู่ที่ 5-7% เนื่องจากเศรษฐกิจเพิ่งเติบโต และมีเพียงไตรมาส 4 ไตรมาสเดียวที่กลับมาคึกคัก ดังนั้นเมื่อเทียบกับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 กับดัชนีหุ้นที่ขึ้นมาประมาณ 300 จุด ถือว่าตึงตัว อาจจะมีช่วงการพักตัวของหุ้น หลังการประกาศผลประกอบการได้ โดยเป้าดัชนีตลาดหุ้นที่เหมาะสมในปี 2561 บล.เออีซีมองว่าจะอยู่ที่ 1,890 จุด โดยมีอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (พีอี) ที่ 17 เท่า
“สำหรับหุ้นเด่นในสัปดาห์นี้ จะแนะนำหุ้นธีมหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่ หุ้นกลุ่มบันเทิง MONO ราคาพื้นฐาน 5 บาท, หุ้นกลุ่มอสังหาฯ ORI ราคาพื้นฐาน 25 บาท, หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ERW และหุ้นกลุ่มลิสซิ่ง AMANAH ราคาพื้นฐาน 2.5 บาท และแนะนำกลยุทธ์การเลือกหุ้นไว้ 3 ข้อคือ 1.ผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ดี 2.ราคาหุ้นไม่ขึ้นมากเกินไป และ 3.หุ้นยังไม่เต็มมูลค่า หรือ undervalue” นายรณกฤตกล่าว
