นายรณกฤต สารินวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นผันผวนมาก เป็นผลจากดัชนีดาวโจนส์หรือตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงแรงแล้วดีดขึ้นมาในช่วงท้ายสัปดาห์ ทำให้ตลาดหุ้นทั้งภูมิภาคฟื้นตัวขึ้นตามด้วย ส่วนในสัปดาห์นี้เรื่องนี้ยังไม่นิ่ง เพราะผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐปรับตัวขึ้น 2.9% และล่าสุดบอนด์ยีลด์สหรัฐอยู่ที่ 2.8% กว่าๆ ซึ่งยังอยู่ในระดับสูง เป็นสัญญาณว่าเม็ดเงินยังไหลเข้าไปในตลาดบอนด์เป็นจำนวนมาก และยังคงมีความเสี่ยงต่อตลาดหุ้น
“ในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 300-400 จุด แต่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้น 5-6 จุดแล้วปรับตัวลดลง ไม่วิ่งขึ้นตามตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากบอนด์ยีลด์ของสหรัฐอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับบอนด์ยีลด์ของไทยที่อยู่ใระดับต่ำกว่า เม็ดเงินจึงวิ่งเข้าตลาดที่มีผลตอบแทนสูง ทำให้เม็ดเงินจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) วิ่งเข้าตลาดบ้านเราน้อยกว่า ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไม่มากนักในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งปัจจัยนักลงทุนขายสุทธิหุ้นไทยเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติก็ขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคนี้เกือบทุกประเทศในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงสะท้อนว่าเงินออกไปหรือฟันด์ เอาต์ โฟลว์ ไปสู่ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า” นายรณกฤตกล่าว
นายรณกฤตกล่าวว่า ในสัปดาห์นี้หากดัชนีตลาดหุ้นต่ำกว่าระดับ 1,800 จุด เป็นสัญญาณว่านักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทย แต่ถ้าดัชนีตลาดหุ้นสามารถยืนเหนือระดับ 1,810 จุดได้ สะท้อนว่าสัญญาณซื้อสุทธิหุ้นไทยจะกลับมา ทั้งนี้ยังต้องติดตามเรื่องค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าต่อเนื่องและแข็งค่าที่สุดในรอบ 4 ปี อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะส่งผลลบกับหุ้นส่งออก แต่จะเป็นผลดีกับหุ้นนำเข้า โดยเฉพาะหุ้นเหล็กที่ได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทแข็งค่า เพราะฉะนั้นในสัปดาห์นี้จะแนะนำหุ้นเด่น 2 ตัวคือ PDI จากปัจจัยราคาสังกะสีปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 10 ปี ทั้งนี้คาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ของ PDI จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วย โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 30 บาท และอีกตัวคือ ICHI จากปัจจัยราคาน้ำตาลต่ำสุดในรอบ 2 ปี ประกอบปัจจัยหุ้นยังไม่สะท้อนเมื่อเทียบกับคาดการณ์กำไรของหุ้นอิชิตัน ดังนั้นหุ้นตัวนี้จึงน่าสนใจ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 11 บาท
