นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯเป็นศูนย์กลางของความผันผวน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวขึ้น ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อก็เร่งตัวขึ้นด้วย โดยในส่วนของตลาดหุ้นไทยมองว่ายังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากเชื่อมโยงกับตลาดหุ้นสหรัฐฯน้อยกว่าตลาดอื่นๆ และที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องถึงเดือนมีนาคม ยังต้องติดตามรายการตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขแรงงานของสหรัฐฯ หากตัวเลขเศรษฐกิจ 2 ส่วนนี้ออกมาสูง อาจจะมีผลกระทบกับตลาดหุ้นในระยะสั้นๆ
นายรักพงศ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 4/2560 จากการเก็บข้อมูลถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ มี บจ.กว่าครึ่งได้รายงานตัวเลขผลประกอบการออกมาแล้ว ภาพรวมถือว่าค่อนข้างดี มีกำไรเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ดีตามคาดและใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ประเมิน อย่างไรก็ตาม มองว่าอาจจะมีน้ำหนักไม่เพียงพอ เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นปรับขึ้นเร็วในเดือนมกราคม อาจจะทำให้มีแรงขายรับข่าวผลประกอบการ (เซล ออน แฟค) อยู่บ้าง ส่งผลให้ตลาดอาจจะแกว่งตัวลง โดยประเมินจังหวะเข้าซื้อที่เหมาะสมที่ดัชนีระดับ 1,770 จุด และในสัปดาห์นี้ฝากหุ้นไว้ 3 ตัว ได้แก่ CPALL, IRPC และ MONO
