นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ปัจจัยต่างประเทศอาจจะยังไม่มีเหตุการณ์สำคัญที่มีนัยต่อตลาดหุ้น แต่ในสัปดาห์ถัดไปจะมีประเด็นการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงวันที่ 20-21 มีนาคม 2561 ที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง โดยความสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ แต่เฟดจะใช้เวทีการประชุมครั้งนี้ขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของปี และแม้ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแต่ตลาดรับรู้มานานแล้ว จึงไม่มีผลกระทบมาก
นายณัฐชาตกล่าวว่า โดยการประชุมเฟด จะมีเอกสารหรือคำชี้แจงออกมาเกี่ยวกับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ ประมาณการตัวเลขเงินเฟ้อ ประมาณการอัตราการว่างงานต่างๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือประมาณการอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม (ดอท พล็อต) ซึ่งเฟดยืนยันผ่านดอทพล็อตมาตลอดว่า จะขึ้นดอกเบี้ยทั้งสิ้น 3 ครั้งด้วยกัน ซึ่งถ้าย้อนไปดูปีที่แล้วตลาดยังไม่เชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งจริง แต่เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตัวเลขเศรษฐกิจและการจ้างงานต่างๆ ออกมาดี นักลงทุนเริ่มเชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งจริงตามดอท พล็อต
“เพราะฉะนั้นความสำคัญของรอบนี้คือ ต้องมาดูว่าดอทพล็อตรอบใหม่นี้ เฟดจะยืนยันการขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งเช่นเดิมหรือไม่ หากไม่ได้ปรับเป็น 4 ครั้ง นักลงทุนน่าจะมีความสบายใจ และทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ที่ปรับขึ้นมาแรงมีโอกาสที่ย่อตัวลง หากดอทพล็อตยืนยันการขึ้นดอกเบี้ยเพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น ในทางกลับกันถ้าออกมาพลิกล็อคคือ ขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง จะทำให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้นได้ต่อ” นายณัฐชาตกล่าว
นายณัฐชาตกล่าวว่า ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ (ไซต์เวย์) เนื่องจากคาดว่านักลงทุนรอดูเหตุการณ์ ทำให้การซื้อขายไม่ได้หนักหน่วง และกรอบการลงทุนที่เหลือของเดือนมีนาคมที่ระดับ 1,750-1,850 จุด โดยแนะนำว่าควรจะใช้กลยุทธ์ขึ้นขายลงซื้อตามกรอบไปก่อน ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นกลุ่มที่อิงกับวัฎจักรภายนอกเป็นหลัก ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ประกอบด้วยหุ้น PTT, IRPC, PTTGC และ IVL
