“เคจีไอ” เผยดัชนีตลาดหุ้นระยะสั้น อาจจะลงไปแตะจุดต่ำสุดเดิม 1,760 จุด จากปัจจัยการตอบโต้ภาษีนำเข้าสหรัฐ-จีน

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ความเสี่ยงเรื่องสงครามทางการค้า (Trade War) กรณีสหรัฐและจีนตอบโต้กันเรื่องภาษีนำเข้าสินค้าและบริการ โดยทางสหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน มูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญฯ ขณะเดียวกันจีนเองก็โต้ตอบด้วยการเตรียมเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐ 128 รายการ มูลค่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 ประเทศจะเจรจาต่อรองภายใน 15 วันหลังจากนี้ อย่างไรก็ตามผลกระทบที่มีต่อไทยนั้นค่อนข้างน้อย เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาไทยกระจายการส่งออกไปหลายๆ ประเทศในสัดส่วนที่เหมาะสม ทำให้พึ่งพิงสหรัฐน้อยลง

นายรักพงศ์กล่าวว่า ปัจจัยภายในประเทศ มีประเด็นด้านการเมือง ภายหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ตีความพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีความคืบหน้าเรื่องระยะเวลาหรือไม่ ส่วนการประชุมของคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ในวันที่ 28 มีนาคม ประเมินว่า กนง.ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่ประเมินไว้ และแรงกดดันจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ

“สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้น มองว่าดัชนีตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงปรับฐาน ซึ่งอาจจะทำให้ดัชนีฯลงไปอยู่ที่จุดต่ำสุดเดิมที่ระดับ 1,760 จุดได้ จึงแนะนำนักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ และทยอยซื้อหุ้นขนาดกลางและเล็กแทน รวมถึงเลือกหุ้นที่มีปัจจัยโดดเด่นเฉพาะตัว เช่น หุ้นกลุ่มสื่อสาร ส่วนหุ้นเด่นแนะนำหุ้น BEC แรงหนุนจากเรตติ้งของละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ราคาหุ้นพื้นฐาน 10.0 บาท หุ้น TRUE จากการผ่อนปรนนโยบายภาครัฐ เรื่องช่วงเวลาการจ่ายค่าสัมปทานใบอนุญาต โดยให้ราคาพื้นฐานที่ 7.50 บาท และหุ้น IVL ที่มีปัจจัยบวกจากการเข้าซื้อกิจการในสหรัฐ และแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ จึงให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 64 บาท” นายรักพงศ์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image