‘กคช.’ ชู 4 โครงการเร่งด่วนที่อยู่อาศัยสนองนโยบายรัฐ

ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวถึงดัชนีเศรษฐกิจชุมชน (Community Economic Index : CEI) ว่า กคช.ได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลครัวเรือนของผู้อยู่อาศัยในโครงการของการเคหะแห่งชาติ และครัวเรือนของผู้มีรายได้น้อยในชุมชนอื่นๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำเดือนเมษายน 2561 เพื่อติดตามและประเมินผลการเติบโตด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยโดยรวมของครัวเรือนในโครงการของ กคช.เพื่อเปรียบเทียบการเติบโตด้านเศรษฐกิจกับครัวเรือนผู้มีรายได้น้อยในชุมชนอื่นๆ รวมถึงศึกษาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการจัดทำดัชนีชี้วัดทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และด้านที่อยู่อาศัยของครัวเรือน พบว่า ผลการประเมินด้านเศรษฐกิจในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีค่าดัชนี 55.8 ภาคกลางมีค่าดัชนี 47.4 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าดัชนี 53.1 โดยค่าดัชนีในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีค่าสูงกว่าค่ากลาง (ค่ากลาง = 50) แสดงว่าครัวเรือนในชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีซึ่งสะท้อนได้จากครัวเรือนมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่แน่นอน มีเงินทุนในการประกอบอาชีพ และในครัวเรือนส่วนใหญ่ยังมีการออมทรัพย์เกินร้อยละ 50 ของครัวเรือนทั้งหมดในชุมชน สำหรับภาระหนี้สินของครัวเรือนของชุมชนส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ในการซื้อบ้านและที่ดิน รองลงมาได้แก่ หนี้เพื่อการดำรงชีพ และหนี้เพื่อสิ่งอำนวยความสะดวก ตามลำดับ ส่วนแหล่งเงินกู้ของครัวเรือนของชุมชนส่วนใหญ่กู้เงินจากธนาคาร รองลงมากู้เงินจากญาติหรือพี่น้อง แต่มีบางส่วนที่กู้เงินนอกระบบ

ดร.ธัชพลกล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานของ กคช.ขณะนี้มี 4 โครงการ คือ 1.โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุรายได้ปานกลาง (บ้านเคหะกตัญญู คลองหลวง 1, 2) เพื่อให้ผู้สูงอายุมีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีเป้าหมายจัดทำจำนวน 2 โครงการ รวม 360 ยูนิต ขณะนี้เตรียมเสนอโครงการต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลังเพื่อให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะนำเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบภายในเดือนมิถุนายนนี้

2.โครงการเคหะประชารัฐ (ร่วมดำเนินงานกับภาคเอกชน) ในโครงการที่มีมูลค่าสูงกว่า 5,000 ล้านบาท ดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ขณะนี้ กคช.อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมทุน 3 พื้นที่ ได้แก่ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม ร่มเกล้า โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 3 และระยะที่ 4 (ผู้อยู่อาศัยใหม่) และโครงการเชิงพาณิชย์ในโครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่ (หนองหอย) และอยู่ระหว่างจัดหาที่ปรึกษาอีก 2 พื้นที่ ได้แก่ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสวัสดิการข้าราชการปทุมธานี (ลำลูกกา) และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสวัสดิการข้าราชการสมุทรปราการ (บางเสาธง)

ส่วนอีกรูปแบบคือ โครงการที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท มี 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบแรก Joint Operation การให้สิทธิการเช่าระยะยาวบนที่ดินของการเคหะแห่งชาติที่มีขนาดเล็ก มีเป้าหมายดำเนินโครงการจำนวน 50,000 ยูนิต และแบบที่สอง Joint Support โดยการเคหะแห่งชาติจะเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ สนับสนุน หรือบริหารจัดการโครงการก่อสร้างให้กับเอกชน ซึ่งมีเป้าหมายดำเนินการ 77 จังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดละประมาณ 800-1,000 ยูนิต รวม 70,000 ยูนิต โดยจะนำร่องใน 10 จังหวัด ได้แก่ มุกดาหาร นครพนม ตาก พิษณุโลก นราธิวาส นครศรีธรรมราช ระยอง ชลบุรี นครนายก และสระบุรี

Advertisement

ดร.ธัชพลกล่าวว่า 3.โครงการตลาดเคหะประชารัฐ ได้มีการเปิดตลาดเคหะประชารัฐ 3 ประเภท ใน 4 มุมเมือง ได้แก่ ตลาดเคหะประชารัฐ “ชวนเดินเพลินใจ” บวร-ร่มเกล้า ตลาดเคหะประชารัฐ “ชุมชนสุขใจ” พหลโยธิน 44 และนนทบุรี (วัดกู้ 2) รวมถึงตลาดเคหะประชารัฐ “พลาซ่า” เยส บางพลี โดยการเคหะแห่งชาติเตรียมเดินหน้าขยายตลาดเคหะประชารัฐไปสู่ภูมิภาคต่างๆ กว่า 93 ตลาด รวม 9,900 แผงร้านค้า โดยในปี 2561 จะเริ่มดำเนินการในจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี 4.การบริหารจัดการอาคารคงเหลือ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี โดย กคช.ตั้งเป้าหมายขายในปีงบประมาณ 2561 จำนวน 13,301 ยูนิต ปัจจุบันขายได้ 9,281 ยูนิต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image