นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ @TakornNBTC ว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายน ได้รับคำถามจากผู้ใหญ่ถึงสาเหตุที่สำนักงาน กสทช. ไม่คิดราคาเริ่มต้นการประมูล 4จี บนคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ไว้ที่ราว 16,000 ล้านบาท ในเมื่อเป็นการประมูลใหม่ จึงได้อธิบายเหตุผลไป รวมทั้งอยากให้ประชาชนได้รับทราบพร้อมกัน คือการประมูลในครั้งนี้ไม่ใช่การประมูลปกติ กรณีรัฐซื้อทรัพย์สินซึ่งรัฐจะต้องได้ของดีและผู้ชนะการประมูลเป็นผู้เสนอราคาถูกสุดและหากมีการฮั้วประมูลเกิดขึ้นหมายถึงรัฐซื้อของในราคาแพงกว่าปกติจึงต้องยกเลิกการประมูลและรัฐจะต้องกลับมาเลือกในราคาเริ่มต้นที่ถูกสุดเพื่อให้รัฐได้ประโยชน์ แต่ในกรณีนี้เป็นกรณีตรงข้ามโดยรัฐขายทรัพย์สิน ผู้ชนะการประมูลคือผู้ที่เสนอราคาให้รัฐมากที่สุด ดังนั้นในการประมูลในคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งบริษัท แจส โมบาย บรอดแบรนด์ จำกัด เสนอราคาให้กับรัฐ 75,654 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อจะมีการประมูลให้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกำหนดราคาต่ำกว่าที่ผู้ชนะการประมูลเดิมเคยประมาณไว้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้รัฐเกิดความเสียหาย
นายฐากร กล่าวว่า หากตั้งราคาตั้งต้นการประมูลไว้ 75,654 ล้านบาท แต่ไม่มีผู้เข้าประมูล สำนักงาน กสทช.จะต้องเปิดประมูลใหม่ โดยในครั้งนี้จะเป็นการเคาะราคาถอยหลังจาก 75,654 ล้านบาทต่ำลงมาเรื่อยๆ และจะมาหยุดไว้ที่ราคาต่ำสุดไม่น้อยกว่า 73,722 ล้านบาท สำหรับเงินส่วนที่ขาดและค่าเสียหายอื่นเพิ่มเติมจะฟ้องร้องเรียกจากแจส สำหรับกรณีที่ประชาชนกังวลว่าราคาประมูลสูงอัตราค่าบริการสูงตามไปด้วยนั้น ขอยืนยันว่าอัตราค่าบริการจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การประมูล คือ จะต้องถูกกว่าอัตราค่าบริการเฉลี่ย 3จีในปัจจุบันที่คิดค่าบริการเสียง 69 สตางค์ต่อนาที ค่าบริการอินเทอร์เน็ต 26 สตางค์ต่อเมกะไบต์ และก่อนที่ผู้ประกอบการจะเปิดให้บริการต้องมาขอความเห็นชอบจาก กสทช. ก่อน นอกจากนั้นสำนักงานจะส่งทีมงานตรวจสอบอัตราค่าบริการซ้ำอีกและจะรายงานกลับมาที่สำนักงานทุกๆ 15 วัน
นายฐากรกล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่าเงินประมูลครั้งนี้สูงมากอาจทำให้ธุรกิจโทรคมนาคมอยู่ไม่ได้นั้น จากการติดตามและคำนวณราคาต้นทุนของผู้ประกอบการนั้นพบว่าในขณะนี้ราคาที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายเฉลี่ยเป็นรายปีเมื่อเทียบกับที่เคยจ่ายในระบบสัญญา สัมปทานใกล้เคียงกันดังนั้นผู้ประกอบการอยู่ได้ แต่อาจได้กำไรน้อยลงบ้างเท่านั้น และโดยธรรมชาติของธุรกิจหากคำนวณแล้วออกมาขาดทุนก็คงไม่มีใครมาร่วมประมูลหรือจ่ายเงินแน่นอน และสุดท้ายเบอร์มือถือที่ใช้งานในขณะนี้มากกว่า 100 ล้านเลขหมาย อัตราการใช้งานเฉลี่ยต่อคนต่อต่อเดือนต่อเลขหมายเฉลี่ยเดือนละ 324 บาท หากคำนวณรายเดือนต่อเดือนของผู้ประกอบการในภาพรวมเฉลี่ยเดือนละ 30,000 ล้านบาทเศษ ปีละเกือบ 400,000 ล้านบาทเศษ