เมื่อวันที่ 3 กันยายน แหล่งข่าวระดับรองผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เปิดเผยกรณีโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไม่มีเงินจ่ายค่าหนังสือเรียนให้ร้านค้า ทำให้ร้านค้าไม่มีเงินจ่ายให้องค์การค้า (อค.) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และสำนักพิมพ์อื่นๆ เนื่องจากนโยบายการบริหารจัดการหนังสือเรียน และแบบฝึกหัดตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลัง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.มอบนโยบายว่าในปีการศึกษา 2561 ให้ ศธ.แจกหนังสือเรียนครบ 100% แต่ขณะนี้โรงเรียนได้รับจัดสรรงบประมาณเพียงครึ่งเดียว และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับจัดสรรเพิ่มในส่วนที่เหลือ ทำให้ถูกร้านค้าทวงค่าหนังสือเรียน ว่า ไม่เพียงโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เท่านั้นที่เดือดร้อน โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน ภาพรวมโรงเรียนเอกชนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.โรงเรียนเอกชนที่เป็นมูลนิธิและการกุศล จะได้รับงบอุดหนุน 100% และ 2.โรงเรียนที่มีผู้บริหารเอง จะได้รับงบอุดหนุน 70% ที่เหลือโรงเรียนเรียกเก็บจากผู้ปกครองได้ จึงไม่มีปัญหามากนัก
รองผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวอีกว่า โรงเรียนที่ตนดูแลเป็นโรงเรียนเอกชนการกุศล ได้รับงบจากรัฐ 100% จึงไม่สามารถเรียกเก็บจากผู้ปกครองได้ ในปีการศึกษา 2561 โรงเรียนได้รับงบจัดซื้อหนังสือ 50% แต่สั่งซื้อหนังสือเรียนตามนโยบายของ ศธ.ครบ 100% ขณะนี้เปิดเทอมมาหลายเดือนแล้ว โรงเรียนยังไม่ได้รับงบหนังสือเรียนในส่วนที่เหลือ ร้านค้า และสำนักพิมพ์ได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะโรงเรียนไม่มีเงินสำรองจ่าย
“ปกติโรงเรียนเอกชนได้รับงบช้ามาก เปิดเทอมเดือนพฤษภาคม แต่ได้รับงบเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคม ตอนนี้ทุกโรงเรียนทุกข์มาก เพราะสั่งซื้อหนังสือแต่ไม่มีเงินจ่าย เราก็เห็นใจทางร้าน ทางร้านทวงถามมาตลอดว่าโรงเรียนจะได้รับเงินช่วงไหน ซึ่งผมไม่สามารถตอบคำถามได้ ทั้งยังไม่รู้จะหาเงินตรงไหนมาจ่าย และไม่สามารถนำเงินเรียนฟรีในส่วนอื่นๆ เช่น เงินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หรือเงินค่าอุปกรณ์ มาสำรองจ่ายแทนได้ เพราะโรงเรียนนำงบเหล่านี้ไปจัดกิจกรรม และมอบให้นักเรียนแล้ว” รองผู้อำนวยการโรงเรียนคนเดิม กล่าว
รองผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวต่อว่า ได้เเต่รอความหวังว่าเมื่อไหร่จะได้รับเงิน จะทำหนังสือทวงถามว่าจะได้รับเงินเดือนไหนก็ไม่กล้า ถ้าปีหน้าโรงเรียนเจอปัญหาลักษณะนี้อีก คงต้องหาเงินสำรองจ่าย เพื่อป้องกันปัญหาได้เงินช้าเหมือนปีนี้ออ