เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม น.ส.กชกร ทองดอนคำ ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.3 เปิดเผยว่า กรณีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เห็นชอบหลักเกณฑ์การรับนักเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2562 โดยเปิดโอกาสให้โรงเรียนดังที่มีการแข่งขันสูง สอบคัดเลือกนักเรียนได้ก่อนโรงเรียนอื่น โดยจะนำร่องให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสอบคัดเลือกนักเรียนชั้น ม.4 ก่อนโรงเรียนอื่นเป็นที่แรกนั้น มองว่านโยบายขยายจำนวนการรับนักเรียนต่อห้อง ทำให้จำนวนนักเรียนมากเกินไป กังวลว่าครูจะดูแลนักเรียนไม่ทั่วถึง สมควรมีห้องละ 30 คน เพื่อให้ครูดูแลนักเรียนทั่วถึง
น.ส.กชกรกล่าวอีกว่า ส่วนที่ให้โรงเรียนเตรียมอุดมฯ หรือโรงเรียนดังสอบคัดเลือกก่อนโรงเรียนอื่นนั้น เห็นว่าควรจัดสอบพร้อมกัน เพราะนักเรียนจะมีเป้าหมาย และรู้ตัวเองว่าเหมาะสมกับโรงเรียนไหน ไม่ต้องพะวงหาที่เรียนหลายที่ ส่วนที่ สพฐ.มีนโยบายยกเว้นค่าสมัครสอบให้เด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นเรื่องดี เพราะเด็กเก่งแต่ยากจน จะได้มีโอกาสเข้าสอบ ส่วนการสอบโอเน็ตเร็วขึ้น 2 เดือนนั้น อาจทำให้นักเรียนเตรียมตัวสอบไม่ทัน อีกทั้ง กลัวนักเรียนไม่อยู่ในห้องเรียน เพราะมุ่งติวสอบโอเน็ตอย่างเดียว
นายเคน นามสมมุติ ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ป.6 กล่าวว่า ที่ สพฐ.มีนโยบายขยายจำนวนรับนักเรียนต่อห้องในชั้น ม.1 เพิ่ม ตนไม่เห็นด้วย เพราะกังวลว่าครูจะดูแลนักเรียนไม่ทั่วถึง คิดว่าควรจะกำหนดนักเรียนต่อห้อง 30-35 คน ส่วนการขยับช่วงเวลาการรับนักเรียนให้เสร็จเร็วขึ้นนั้น ไม่อยากให้ปรับ เพราะครูอาจมีปัญหาจัดการเรียนการสอนไม่ทัน สำหรับการขยับปฏิทินสอบโอเน็ตเร็วขึ้นอีก 2 เดือน จะกระทบต่อการเรียนหรือไม่นั้น มองว่าขึ้นอยู่ที่ความพร้อม และการเตรียมตัวของเด็กมากกว่า
“ส่วนที่ให้โรงเรียนชื่อดังสอบคัดเลือกนักเรียนก่อนนั้น เป็นเรื่องดี เพื่อให้นักเรียนต่างจังหวัดมีโอกาสเข้าไปทดลองสนามสอบดูก่อน” นายเคน กล่าว
