‘หมอธี’รอสรุปผลทุจริตคุรุภัณฑ์ฯ เผยข้อมูลใหม่’ปี 58’พบ ผอ.สำนักเอี่ยวทุจริต

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยผู้ที่เกี่ยวข้องการดำเนินการงบจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 279 ล้านบาท ซึ่งนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และนายณรงค์ แผ้วพลสง ผู้ตรวจราชการ ศธ. อดีตรองเลขาธิการ กพฐ. ได้ขอขยายเวลาชี้แจงข้อมูลถึงวันที่ 31 ตุลาคม ว่า พล.อ.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ ศธ. จะรายงานสรุปผลและเสนอมา ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับ แต่ตามกระบวนการ ต้องให้สำนักนิติการ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ก่อน เบื้องต้นได้รับการรายงานอย่างไม่เป็นทางการ จากนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการศธ. ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ เพียงสั้นๆว่า นายบุญรักษ์ และ นายณรงค์ ได้ทำการชี้แจงมาเรียบร้อยแล้ว

นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการการสืบสวนข้อเท็จจริงฯ พบว่า มีบุคคลในสำนักงานมัธยมปลาย สพฐ.เมื่อปีงบ 2558 คือ นายณรงค์ เพชรล้ำ ผู้อำนวยการกลุ่มแผนและงบประมาณ ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ ซี่งเป็นช่วงที่นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ.ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กพฐ.ตรวจสอบพบ และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ขณะนี้ย้ายนายณรงค์ เพชรล้ำ ไปปฏิบัติงานศึกษานิเทศก์แล้ว อย่างไรก็ตาม การสอบสวนวินัยร้ายแรงบุคคลดังกล่าวมีนายณรงค์ แผ้วพลสง เป็นประธาน ต่อมาพบว่าทั้ง 2 คน ถูกกล่าวหาว่าความเกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ ปีงบ 2560 ทีมกฎหมายของตนจึงได้ทักท้วงว่าไม่เหมาะสมที่จะให้นายณรงค์ แผ้วพลสง เป็นประธานกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ตนจึงสั่งการให้เปลี่ยนตัวประธานสอบสวนฯ แล้ว และอยู่ระหว่างหาผู้เหมาะสม

“กรณีของครุภัณฑ์ฯ โชคดีที่ยังไม่เสียหาย เพราะงบฯ ก็ตกไปหมดแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงของการเอาผิดคน ส่วนถ้ายังไม่เสียหาย ความผิดของผู้กระทำจะน้อยลงหรือไม่ ผู้กระทำจะรับโทษร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงนั้น แม้ว่าความผิดยังไม่สำเร็จ ยังไม่เกิดความเสียหาย จับได้ไม่ได้แปลว่าไม่ผิด เพราะพบว่ามีการเตรียมการสมบูรณ์ มีการปลอมสเปก ลดสเปก เป็นต้น ส่วนจะร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงก็ต้องไปดูต่อไป” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว และว่า ขณะนี้ พบว่ามีการตั้งงบประมาณจัดซื้อครุภัณฑ์ ในปีงบประมาณ 2562 จำนวนประมาณ 400 ล้านบาท ตนได้สั่งการให้ สพฐ. กลับไปทบทวน ตรวจสอบ โดยตนให้หลักการ การใช้งบประมาณ คือเงินยังคงไว้ แต่ต้องดูความจำเป็น เช่น โต๊ะเก้าอี้ จำเป็นต้องซื้อทุกปีหรือไม่ ต้องถามความต้องการจากโรงเรียน

“ทุกอย่างต้องซื้อตามความจำเป็น และอย่าจัดงบประมาณท็อปดาวน์ลงไป ทำอะไรต้องถูกต้องตามระเบียบ ต้องวิเคราะห์ความขาดแคลนของโรงเรียนเป็นหลัก เพราะจะมีกระบวนการโจมตีผม ว่าผมห้ามโรงเรียนซื้อของ ซื้อครุภัณฑ์ ซึ่งไม่เป็นความจริง ถ้าสิ่งไหนจำเป็นต้องซื้อ ไม่ได้ห้าม อย่างไรก็ตาม ผมไปล้วงตอนทำงบฯไม่ได้ มีหน้าที่ตรวจสอบให้นโยบายชัดเจนเท่านั้น” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image