เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า จากกรณีประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำหนดให้นายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภา ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ.2561 ซึ่งนายจิตรนรา นวรัตน์ อธิบดีอัยการสำนักงานคณะปราบปรามการทุจริตภาค 2 ระบุว่ารวมผู้บริหารที่มีตำแหน่งเทียบเท่า เช่น ผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษา ซึ่งเทียบเท่าอธิการบดี รองผู้อำนวยการ นายกสภา และกรรมการสภาสถาบันการอาชีวะ ทั้ง 23 แห่ง และนายกสภา และกรรมการสภา วชช.ด้วยนั้น ได้มอบหมายให้คณะทำงาน และนิติกรของ สอศ. รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องไปดูรายละเอียดข้อกฎหมายว่าตามประกาศของ ป.ป.ช.นั้น สถาบันการอาชีวะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯหรือไม่ เบื้องต้นคณะทำงานวินิจฉัยว่าผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวะ รองผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวะ นายกสภา และกรรมการสภาสถาบันการอาชีวะ เข้าข่ายต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ เพราะ พ.ร.บ.การอาชีวศึกษา พ.ศ.2551 กำหนดให้ตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวะ มีสถานะเทียบเท่าอธิการบดีของมหาวิทยาลัย ถือเป็นตำแหน่งระดับสูง แต่บริบทการทำงาน และหน้าที่แตกต่างจากผู้บริหารมหาวิทยาลัย
“ผมได้มอบให้คณะทำงานไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม ว่าการดำเนินการที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันจะประสานเป็นการภายในไปยัง ป.ป.ช.เพื่อชี้แจง และทำความเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของตำแหน่งนายกสภา กรรมการสภา ผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวะ เพื่อขอความชัดเจนว่าที่สุดแล้ว กลุ่มสถาบันการอาชีวะเข้าข่ายต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ด้วยหรือไม่” นายสุเทพกล่าว
