กรณีประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องกําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 จนทำให้มีนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภา ลาออกจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้าที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศดังกว่าไปอีก 60 วัน ถึงวันที่ 31 มกราคม 2562 นั้น
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนห้ามคนจะออกไม่ได้ ได้แต่ขอร้องว่าอย่าเพิ่งลาออก ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลกำลังหาทางปรับแก้และหาทางปลดล็อคกันอยู่ ซึ่งก็ได้แก้ปัญหามาทีละนิดแล้ว อีกทั้งเห็นว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ขยายการยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินถึงวันที่ 31 มกราคม 2562
“ปัญหาที่เกิดขึ้น ป.ป.ช.ไม่ใช่ไม่ทราบ ตอนนี้ผมได้รับสัญญาณว่าทุกฝ่ายกำลังหาทางแก้ อีกทั้งยังมีคนบางกลุ่มเห็นว่านายกสภาและกรรมการสภา ควรจะยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มีหลายทางออก เช่น ถ้าถึงขนาดต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินและเผยแพร่ต่อสาธารณะ กรรมการสภาบางคนตั้งคำถามว่าสิ่งนี้ถูกต้องหรือไม่ สามารถยื่นบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินแบบปิดไม่เปิดเผยต่อสาธารณะได้หรือไม่ เป็นต้น” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. กล่าวว่า ขณะนี้ตนรับทราบข้อมูลว่า มีแนวโน้มที่ ตำแหน่งตามประกาศ ป.ป.ช. กำหนดไว้ต้องยื่นตามเดิม แต่ประเด็นร้องเรียนในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน หนี้สินของนายกสภาและกรรมการสภาที่ส่วนใหญ่เห็นว่าการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน ต่อสาธารณะจะทำให้เป็นอันตรายต่อบุคคลเหล่านี้ ในส่วนนี้อาจจะได้รับการแก้ไข เช่นอาจจะมีการปิด ไม่ให้เปิดเผยบัญชีต่อสาธารณะ เป็นต้น
