เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการสู่ภูมิภาค(คปภ.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเสนอแก้ไขคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 11/2559 เรื่องการบริหารศธ.ในภูมิภาค โดยให้ปรับลด สำนักงานศึกษาธิการภาค(ศธภ.)จาก 18 ภาค ให้เหลือ 6 ภาค เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารงาน ของกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสรรหา โดยเป็นการเกลี่ยอัตรากำลังที่มี ไม่ได้ขอเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นว่า ตำแหน่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ เพราะอยากให้ได้คนที่ดี ตั้งใจทำงาน ไม่ใช่เลือกคนที่ต้องการเข้ามารับตำแหน่งซี 10 เพื่อรอไปเป็นใหญ่ที่อื่นแทน
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังหารือเรื่องขอบเขตการทำงานของคปภ. ซึ่งมีอำนาจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการกำหนดนโยบายการบริหารงานบุคคล แต่งตั้ง โยกย้าย ข้าราชการครูและผู้บริหารระดับสูงในพื้นที่ ซึ่งในช่วงแรกถือว่ามีความจำเป็น เพราะ อยู่ในช่วงการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคล และในช่วงเริ่มต้นของการบริหารงาน ซึ่งมีศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ศธภ. จำเป็นต้องใช้อำนาจในการเกลี่ยตำแหน่งต่าง ๆ ในพื้นที่ แต่ปัจจุบันนี้การดำเนินการทุกอย่างค่อนข้างลงตัว และคปภ. ไม่ค่อยได้ใช้อำนาจดังกล่าวมากนัก ดังนั้นจึงเห็นว่า อาจ ถึงเวลาต้องทบทวน โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการทำความเห็นเสนอให้ตนพิจารณา ก่อนเสนอให้พล.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาทบทวนประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) ที่ 10/2559 เรื่องการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของศธ.ในภูมิภาคต่อไป
“ส่วนตัวผมเห็นว่า เมื่อถึงเวลาอำนาจของคปภ. ควรจะสิ้นสุด และกลับไปใช้กฎหมายปกติ ซึ่งต้องหารือกัน และได้มอบหมายให้ที่ประชุมไปทำความเห็น เสนอมาให้ผมพิจารณา ซึ่งในช่วงที่มีการทบทวนคำสั่งหัวหน้าคสช. ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2557 (ฉบับชั่วคราว)ที่ไม่มีความจำเป็นก็อาจจะเสนอให้พิจารณาทบทวนคำสั่งคสช.ฉบับนี้ด้วย เพราะอนาคตหากให้คปภ.มีอำนาจมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น และมีโอกาสที่จะใช้อำนาจในทางมิชอบได้”นพ.ธีระเกียรติกล่าว