เผยเด็กไทยเผชิญโรคอ้วน 10% ขาดสารอาหาร 4-6 แสนคน วิกฤต 4 แสนคน เล็งชงรัฐบาลค่าอาหารเช้า 4 บ./วัน

แฟ้มภาพ

นักวิชาการเผยเด็กไทยเผชิญโรคอ้วน 10% ขาดสารอาหาร 4-6 แสนคน วิกฤต 4 แสนคน เล็งชงรัฐบาลค่าอาหารเช้า 4 บ./วัน/คน จำนวน 4 แสนคน ปีงบ 63

กรณีผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐอเมริกา พบแนวโน้มการบริโภคอาหารทั่วโลก มีแนวโน้มไปในทิศทางย่ำแย่ อาจถึงระดับวิกฤต ทั่วโลกมีคนขาดสารอาหารเกือบ 2,000 ล้านคน ส่วนภาวะขาดสารอาหารของคนไทย เป็นเพราะอยากผอมอยากสวย มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นและนักเรียนนั้น

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม นายสมพงษ์ จิตระดับ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) เปิดเผยว่า เด็กไทยเรามีความเหลื่อมล้ำทางด้านอาหารทั้งที่เป็นหนึ่ง ใน 7 ประเทศของโลกที่ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ เป็นประเทศอู่ข้าวอู่น้ำ แต่เรากลับมีเด็กส่วนหนึ่งที่มีปัญหาขาดสารอาหาร เรามีทั้งเด็กที่ขาดและเกินทางด้านอาหารซึ่งตลกมาก โดยเด็กในเมือง จะเป็นกลุ่ม “เกิน” เป็นกลุ่มที่มีปัญหาอ้วน เนื่องจากกินขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม ลูกชิ้นปิ้งที่เป็นสีๆ ซึ่งมักขายอยู่หน้าโรงเรียน แถมเล่นมือถือและไม่ออกกำลังกาย กลุ่มนี้จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรค NCD หรือโรคที่ไม่ติดต่อซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิต โดยจากข้อมูล พบว่าเด็กไทยมีปัญหาโรคอ้วนถึง 10% หรือ เด็ก 10 คน จะเป็นโรคอ้วน 1 คน

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่เด็กในชนบท จะเป็นกลุ่ม “ขาด” หรือ กลุ่มเด็กขาดสารอาหารหรือเด็กผอม โดยจากข้อมูลของ กสศ. พบว่าเด็กในชนบทไม่ได้กินอาหารเช้า หรือได้กินแต่แค่บางมื้อและมื้อเที่ยงต้องไปกินที่โรงเรียน และครูต้องกันอาหารกลางวัน ให้เด็กกลับไปกินมื้อเย็นที่บ้านด้วย โดยพบว่าเด็กกลุ่มนี้มีถึง 4-6 แสนคน และในกลุ่มดังกล่าว มีเด็กที่จนมากในระดับที่ครอบครัวมีรายรับแค่ประมาณ 3,000 บาทต่อเดือน ส่วนการแก้ไขนั้น ขณะนี้กสศ.พยายามที่จะเสนอให้เพิ่มเงินอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนจาก 20 บาท เป็น 25 บาท แต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องบอกว่า ไม่ได้ และสำหรับนักเรียนกลุ่มที่ยากจนในระดับวิกฤตจำนวน 4 แสนคนนั้น เรากำลังเสนอค่าอาหารเช้าให้ 4 บาท/คน/วัน ซึ่งส่วนตัวยังมองว่า 4 บาทไม่พอ ควรต้องเพิ่มเป็น 10 บาท/คน/วัน แต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องบอกว่า 10 บาท ไม่น่าเป็นไปได้ ก็เลยจะเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาจัดสรรเงินค่าอาหารเช้าแก่เด็กไทยกลุ่มที่ยากจนที่สุดซึ่งมีจำนวน 4 แสนคนนี้ จำนวน 4 บาท/คน/วัน โดยคาดว่าจะเสนอได้ในปีงบประมาณ 2563

Advertisement

“เราขาดองค์ความรู้เรื่องโภชนาการหรือการทานอาหารให้ได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ที่ผ่านมาวิชาสุขศึกษาสอนเรื่องอาหาร 5 หมู่ แต่ผมว่าแค่นั้นไม่เพียงพอ เราควรต้องสอนเด็กโดยหยิบยกสภาพปัญหาที่อยู่รอบตัวมาศึกษากัน ควรสอนให้เด็กตั้งคำถามว่าอาหารที่อยู่รอบโรงเรียนเป็นอาหารบ้าง มีประโยชน์หรือไม่ อย่างไร โดยเฉพาะอาหารประเภทขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลมและลูกชิ้นเสียบไม้ที่เป็นสีๆ ที่ขายอยู่หน้าโรงเรียนซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคมะเร็ง เราไม่ค่อยตะหนักนักว่าอาหารเหล่านี้เป็นภัยต่อเด็ก นั่นเพราะเราขาดองค์ความรู้ในเรื่องหลักโภชนาการ ถึงได้เกิดปัญหาทั้งขาดและเกิน ปัญหาอาหารเกินไปอยู่ในกลุ่มเด็กในเมือง ส่วนปัญหาขาดอาหาร ก็ไปอยู่ในเด็กชนบทที่ครอบครัวยากจนเสียจนไม่มีอะไรจะกินแม้แต่อาหารมื้อเช้า ซึ่งอาหารเช้าถือว่ามีความสำคัญมากต่อพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะการเรียนหนังสือ ถ้าเด็กกินไม่อิ่ม ก็เรียนหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว” นายสมพงษ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image