‘สช.’ ดึง น.ร.จบ ‘ม.3’ เข้าเรียนอาชีวะในเขต ‘อีอีซี’ ไม่ต้องสอบคัดเลือก
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ศูนย์ประชุมนานาชาตินงนุชพัทยา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ภายในงาน “วันการศึกษาเอกชนและมหกรรมการศึกษาเปิดโลกสู่ EEC” สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จัดพิธีลงนามร่วมมือในการดำเนินการเพื่อส่งนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับอาชีวศึกษา ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)โดยมีนายชลำ อรรถธรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) โดยมีผู้แทนจาก สอศ. นายธานินทร์ ชลจิตต์ ศึกษาธิการ (ศธจ.) ชลบุรี นายกวินทร์เกียรติ นนท์พละ ศธจ.ฉะเชิงเทรา และนายชาตรี ปุระมงคล ศธจ.ระยอง รวมลงนามด้วย
นายชลำ กล่าวว่า บันทึกความร่วมมือครั้งนี้ได้มีความร่วมมือกันเพื่อรับนักเรียนนักศึกษาโรงเรียนเอกชน เข้าศึกษาต่อสายอาชีพในสถานศึกษาของอาชีวะ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ สอศ.กำหนด คือ ต้องเป็นนักเรียนของโรงเรียนเอกชน ต้องแสดงความประสงค์จะเข้าเรียนต่ออาชีวศึกษาตามขั้นตอนและเงื่อนไขที่ สช.กำหนด จากนั้น สช.ส่งรายชื่อและรายละเอียดให้ สอศ.ไปดำเนินการรับนักเรียนของเอกชนเข้าศึกษาต่อทุกคน โดยไม่ต้องสอบแข่งขันกับนักเรียนที่สมัครเข้าเรียนทั่วไป โดยมีระยะเวลาดำเนินการในช่วงปีการศึกษา 2562-2564
“การดำเนินงานครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อสนองตอบต่อการพัฒนากำลังคนตามยุทธศาสตร์ชาติ เอื้อประโยชน์แก่นักเรียนที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนเอกชนอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อให้ สอศ.มีข้อมูลสำหรับพัฒนาหลักสูตร และพัฒนาอัตรากำลังสอดคล้องกับความต้องการในภาคการศึกษาเอกชน ต่อไป สช.จะไปวิเคราะห์แบ่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเอกชน โดยจะโฟกัสที่เด็กจบการศึกษา ม.3 ในปีนี้ที่ต้องการเรียนต่ออาชีวะในพื้นที่ 3 จังหวัดพื้นที่อีอีซี ซึ่งตัวผู้เรียนต้องวิเคราะห์ตัวเองได้ว่าโตขึ้นอยากทำอะไร เพราะพื้นที่จะเน้นทักษะด้านอาชีพ เป็นหลัก จากนั้น สช.ก็จะเชื่อมโยงไปสถานศึกษาอาชีวะในพื้นที่ว่าที่ไหนบ้างเปิดสอนสาขาที่เขาต้องการ และประสานสถานศึกษาอาชีวะร่วมมือกันวางแผน ช่วยทำให้เขาเห็นทิศทางในการศึกษาเพื่อการประกอบอาชีพในอนาคต โดยจะดูแลติดตามตลอดเส้นทางการศึกษาไม่ทอดทิ้งระหว่างทาง และสร้างความมั่นใจในเส้นทางอาชีพ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สช.โรงเรียนมีการแนะแนวการศึกษา แต่การให้เด็กได้วิเคราะห์ตนเอง และ สช.จัดเก็บรวมรวมข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรม ยังไม่มีชัดเจนเท่าใดนัก ส่วนจำนวนนักเรียนที่ขะได้โอกาสจากความร่วมมือนี้ต้องรอสรุปชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง และเปิดโอกาสสำหรับนักเรียนเอกชนทุกคน” นายชลำกล่าว
