‘สพฐ.’ เชื่อเกณฑ์รับม.3 ขึ้นม.4 ทุกคน ‘ทุก ร.ร.ทำได้’ ด้านผอ.บดินทรฯ เชื่อไม่มีใครกล้ารับ ‘แป๊ะเจี๊ยะ’
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยกรณีนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ กพฐ. ลงนามประกาศเรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2562 โดยปรับลดการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษเหลือ 4 ประเภท และให้รับนักเรียนชั้น ม.3 จากโรงเรียนเดิมเรียนต่อชั้น ม.4 ทุกคนนั้น ว่า ประกาศการนโยบายและปฏิบัติเกี่ยวกับการนักเรียน ออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งทางโรงเรียนต้องไปปรับเกณฑ์การรับให้สอดคล้องกับเกณฑ์ฉบับใหม่ ซึ่งคาดว่าทันการเปิดรับนักเรียนใหม่แน่นอน
นายสนิท กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกังวลว่าการรับนักเรียนชั้น ม.3 จากโรงเรียนเดิมต่อชั้น ม.4 ทุกคน เป็นเรื่องง่ายที่ทำยาก ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดสามารถทำได้ ส่วนจะสามารถสกัดปัญหาแป๊ะเจี้ยะได้หรือไม่ ตนมองว่าขณะนี้ไม่มีช่องที่ที่โรงเรียนจะรับแป๊ะเจี๊ยะแล้ว เพราะได้ปรับเกณฑ์รับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ 7 ประเภท ให้เหลือ 4 ประเภท โดย 3 ประเภทที่ตัดออกนั้น ได้แก่ 1.นักเรียนที่ทำคะแนนสอบคัดเลือกเท่ากันในลำดับสุดท้าย 2.รับนักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจ หรือคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ 3.นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ตนมองว่าเมื่อตัดเกณฑ์เหล่านี้ไปการรับแป๊ะเจี๊ยะจะไม่มี
ด้านนายวิสิทธิ์ ใจเถิง ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กล่าวว่า ทางโรงเรียนต้องปรับระเบียบให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ นำเกณฑ์การรับนักเรียนใหม่เข้าหารือที่ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ของโรงเรียน และเข้าที่ประชุมคณะกรรมการการรับนักเรียนของโรงเรียน ซึ่งตนมองว่าการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ของทางโรงเรียน จะทันการรับนักเรียนใหม่แน่นอน
นายวิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกังวลว่าการรับนักเรียนชั้น ม.3 จากโรงเรียนเดิมต่อชั้น ม.4 ทุกคน เป็นเรื่องง่ายที่ทำยาก นั้น เมื่อศึกษาเกณฑ์การรับนักเรียนใหม่จะพบว่ามีข้อกำหนดให้โรงเรียนรับนักเรียนที่จบ ม.3 จากโรงเรียนเดิมให้เต็มแผนการรับนักเรียน และกรณีไม่เต็มแผนให้รับนักเรียนจากโรงเรียนอื่นได้อีก ทั้งนี้สัดส่วนการรับนักเรีย ม.4 ของโรงเรียนบดินทรเดชา จะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน แต่จะให้รับนักเรียนเต็มตามแผนการเรียนก็จะมีนักเรียน ม.3 ที่ไม่สามารถเข้าต่อ ม.4 ได้ประมาณ 50 กว่าคน ซึ่งจำนวนนักเรียนที่ไม่สามารถเรียนต่อโรงเรียนเดิมได้ ทางโรงเรียนจะแนะแนวให้นักเรียนไปเรียนสายอาชีพ หรือแนะนำไปเรียนโรงเรียนอื่นในสายการเรียนที่นักเรียนต้องการ เป็นต้น
“ส่วนการตัดเงื่อนไขพิเศษจะสามารถสกัดปัญหาแป๊ะเจี๊ยะได้หรือไม่ ตอบยากเพราะเรื่องเหล่านี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ผมเชื่อว่าจะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง เพราะเป็นหลักเกณฑ์ที่ออกมานั้นที่ค่อนข้างชัดเจน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เองให้ความสำคัญ คงไม่มีใครกล้าที่จะทำ” นายวิสิทธิ์ กล่าว
