เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังตัวแทนสมาคมผู้ปกครองและครูเตรียมอุดมศึกษา เข้าพบเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีพบรถตู้ปริศนา 2 คันจอดทิ้งไว้ภายในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 ว่า ทางสมาคมฯ ยืนยันว่า การรับรถทั้ง 2 คันมีกระบวนการที่ถูกต้อง และทางสมาคมฯ อยู่ระหว่างการขอจดทะเบียน เพื่อเตรียมจะมอบให้โรงเรียนไม่ได้มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง ตรงกับข้อมูลที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 กรุงเทพมหานคร (สพม.เขต1 กทม.) รายงานมาเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ถือว่า ทางสมาคมฯ ทำในเรื่องที่ดี เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดทางสมาคมฯ ไม่เร่งดำเนินการจัดทะเบียนรถให้ถูกต้อง นายบุญรักษ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ทางสมาคมฯ เตรียมที่จะจดทะเบียนอยู่แล้วอยู่ในขั้นตอนของการทำเอกสาร และทางสมาคมฯ ทำประโยชน์ให้โรงเรียนค่อนข้างมากและเป็นการทำอย่างต่อเนื่อง เพราะแม้โรงเรียนเตรียมอุดมฯ จะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ แต่ก็ได้รับงบประมาณ รายหัวเท่ากับโรงเรียนทั่วไป ซึ่งการที่โรงเรียนสามารถพัฒนาโรงเรียนจนเป็นอันดับหนึ่งและสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ก็ด้วยการสนับสนุนจากทางสมาคมฯ อย่างเข้มแข็ง ส่วนตัวมองว่า เรื่องนี้จะเป็นประเด็นที่ดี ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเพียงแต่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจ ส่วนตัวไม่ได้หนักใจ เพราะสมาคมฯเป็นนิติบุคคล มีสิทธิรับบริจาค และในวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ ก็เขียนที่มาของการบริจาคทรัพย์สินไว้ชัดเจน
“ผู้ที่เป็นเจ้าของรถตู้ทั้ง 2 คัน คือสมาคมฯ การมอบให้โรงเรียนยังไม่มีความสมบูรณ์ตามกฎหมาย อีกทั้งเท่าที่ดูรายชื่อผู้บริจาคก็ค่อนข้างมีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในสังคม ไม่จำเป็นต้องมาฝากเด็กเข้าเรียน ซึ่งผมเองได้อ่านรายงานทั้งจากเขตพื้นที่ฯ สมาคมฯ และโรงเรียน ก็ยังไม่เห็นประเด็นการทำผิดกรณีการรับบริจาค แต่เบื้องหลังว่า ทำไม่บริจาค ก็ไม่อาจทราบได้ โดยหากพูดไปอาจเป็นการหมิ่นประมาท และผู้บริจาคอาจจะมีเจตนาบริสุทธิ์ เช่น เคยเป็นศิษย์เก่าและเชื่อว่า จะไม่มีผลกระทบต่อการรับนักเรียน เพราะ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตัดเงื่อนไขพิเศษ ข้อการรับนักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ออกไปแล้ว ก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง ผมเองต้องขอบคุณสมาคมฯ ที่ช่วยประเทศชาติพัฒนาโรงเรียน สร้างบุคลากรที่มีคุณค่าให้ประเทศ ส่วนเรื่องที่เข้าใจผิดก็ไม่น่าจะนำมาเป็นประเด็น คิดว่าตอนนี้ทุกอย่างจบอย่างแฮปปี้ เอนดิ้ง “นายบุญรักษ์ กล่าว
ด้านนายธนารัชต์ สมคเณ รองผู้อำนวยการสพม.เขต 1 กทม. กล่าวว่า การชี้แจงของทางสมาคมผู้ปกครองและครูฯ เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ โดยขณะนี้ตนได้ส่งสรุปรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ทางโรงเรียนสรุปมาให้ทาง นิติกร สพม.เขต 1 กทม.ไปตรวจสอบอีกครั้ง กระบวนการจากนี้ต้องรอนิติกร สรุปและให้คำแนะนำว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนที่ตนบอกว่ารถตู้ทั้ง 2 คันอาจเข้าข่ายไม่ถูกกฎหมายหรือเป็นรถตู้เถื่อนนั้น ก็เป็นการสรุปจากข้อมูลเพราะรถที่จอดทิ้งไว้ 2 ปีก็ไม่สามารถนำไปขับบนถนนได้ กระทั่งคนขับรถก็ไม่กล้าขับ จึงถือว่าเป็นรถเถื่อน ซึ่งในเมื่อมีเวลา 2 ปีเหตุใดจึงไม่ได้ดำเนินการทำเอกสารให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้เข้าข้างใครและตนก็ทำงานตามหน้าที่ เพราะได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะติดตามการรับสมัครการรับนักเรียนของ สพม.เขต 1 กทม. ปีการศึกษา 2562 ก็ได้กำกับติดตามให้การรับนักเรียนเป็นไปตามนโยบายของ สพฐ.มาตรการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเฉพาะต้องไม่มีการเอื้อประโยชน์ ซึ่งเมื่อตนพบว่ามีประเด็นนี้ก็ได้แจ้งให้กับตัวแทน ป.ป.ช.ที่มาร่วมสังเกตการณ์รับนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รับทราบ รวมถึงยังได้แจ้งต่อผู้แทนสมาคมฯ ที่มาร่วมด้วยแต่ในวันนั้นผู้แทนสมาคมฯไม่ได้ชี้แจงอะไรบอกเพียงว่ากำลังดำเนินการ