เมื่อวันที่ 23 เมษายน นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมกอปศ. ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการจัดทำรายงานของกอปศ. หลังจากได้ปฏิบัติหน้าที่มาเป็นเวลา 2 ปี โดยได้รวบรวมข้อมูล ซึ่งเรื่องที่เสนอไปยังรัฐบาลแล้ว คือ ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ….กฎหมายระดับรอง 4 ฉบับ และแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ขณะเดียวกันหารือข้อเสนอแนะสุดท้ายที่จะส่งไปยังรัฐบาล ประมาณ 8 ข้อ ซึ่งถือเป็นการปิดฉากหน้าที่ของกอปศ. ดังนี้ 1.สร้างความตระหนักในสังคมทุกภาคส่วน ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องปฏิรูปการศึกษา และให้เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วม 2. ให้มีการผลักดันให้เกิดคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลไกหลักและให้มีสำนักคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ตลอดจนองค์ประกอบต่างๆ เช่น กรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ที่ต้องเร่งดำเนินการ 3. ให้ปรับปรุงงานของการศึกษาแห่งชาติ รวมทั้งโครงสร้างของศธ. ตามแนวทางและเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ และแผนปฏิรูปประเทศ ซึ่งไม่ได้บอกว่าจะปรับอย่างไร แต่โครงสร้างศธ. จำเป็นต้องเปลี่ยนเพื่อจะได้รองรับการทำงานในอนาคต
นพ.จรัส กล่าวต่อว่า 4.ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ดำเนินการให้มีประสิทธิภาพ เกิดผลลดและแก้ไขความเหลื่อมล้ำได้ โดยมีการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอ 5.ให้เน้นการปรับเปลี่ยนโรงเรียนในระบบการศึกษาให้เกิดประสิทธิผล สร้างผู้เรียนที่มีคุณภาพในระดับสากล เชี่ยวชาญได้ตามความถนัดของตัวเอง 6. เร่งรัดพัฒนาเด็กปฐมวัยตามพ.ร.บ.การพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยดูแลเรื่องมาตรฐาน และบุคคลที่จะมาดูแลเด็ก โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ว่าจะเข้ามาดูแลเด็กปฐมวัยที่มีอยู่หลายล้านคนได้อย่างไร โดยที่ประชุมได้เสนอเพิ่มเติมในเรื่องการดูแลผู้พิการทางสมอง และพิการทางร่างกาย เป็นพิเศษ เนื่องจากระบบการดูแลและงบประมาณที่ใช้ตามปกติไม่สามารถดูแลได้ 7.ให้ทุกภาคส่วนของสังคมตระหนักและมีส่วนร่วมในการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครองชุมชุน ส่งเสริมเจตคติและค่านิยมที่ดีในสังคม เพราะถือเป็นคุณภาพที่แท้จริงของการศึกษา ไม่ใช่ใบปริญญาหรือใบรับรอง อีกทั้งการจัดการศึกษาไม่ใช่หน้าที่ของรัฐทั้งหมด แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะมีส่วนร่วม 8.ข้อเสนอต่อสื่อมวลชนในการมีบทบาทเพิ่มความรู้ความเข้าใจเพิ่มเจตคติที่ดีแก่สังคม ดูแลไม่ให้เกิดผลลบ ความรุนแรง
