คณะกรรมการ กกส. เน้นย้ำ หวังเห็นความเชื่อมโยงของข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา เลขาฯ สกศ.มองรูปแบบการทำงานใหม่ ต้องเร็ว กระชับ ยืดหยุ่น เปลี่ยนแปลงได้
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2562 ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร อาคาร 56 ปี สำนักงานเลขาธิสภาการศึกษา (สกศ.) ได้มีการจัดประชุมสภาการศึกษา ครั้งที่ 2/2562 โดยมีศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในที่ประชุม พร้อมด้วย ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการสภาการศึกษา และคณะกรรมการสภาการศึกษา (กกส.) เข้าร่วมประชุม
ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เน้นความสำคัญการผลักดันพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ ได้มีการนำเรื่องดังกล่าวเรียนนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งมีการหารือถึงรูปแบบการออกพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. เป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) และช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่ง สกศ. จะเป็นหน่วยงานแรกที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะต้องเปลี่ยนเป็น “คณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ”
ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมวันนี้มีวาระเพื่อพิจารณา 2 วาระด้วยกัน คือ 1. โครงสร้างภารกิจของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษารองรับการเปลี่ยนผ่านสู่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ และ 2. การดำเนินงานแผนงานโครงการตามบทบาทภารกิจของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ซึ่งที่ประชุมได้ให้ข้อคิดเห็นต่อวาระแรกว่า การเปลี่ยนผ่านจากสภาการศึกษาไปสู่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาตินั้น ต้องมีการเตรียมความพร้อม ทั้งวิธีการทำงาน การดีไซน์ลักษณะงานใหม่ ที่ไม่เป็นโครงสร้างยึดติดตายตัว
นอกจากนี้ ดร.สุภัทร ยังกล่าวอีกว่า การเปลี่ยนผ่านจาก สกศ. ไปสู่การเป็นสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาตินั้น อาจจะมีปริมาณงานและภารกิจที่เพิ่มขึ้น อาทิ เรื่องของกฎหมาย การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา การติดตามประเมินผลความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนนโยบาย ดังนั้นแล้วจึงต้องเชื่อมโยงวิธีการทำงานระหว่างกันขององค์กรทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
อีกเรื่องที่คณะกรรมการเสนอในที่ประชุม คือ ต้องการเห็นสารสนเทศการศึกษาที่เชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกันทั้งหมด รวมไปถึงการมีฐานข้อมูลความต้องการบุคลากรหรืออัตราการจ้างงานของแต่ละสาขาอาชีพ ทั้งในภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้การเก็บข้อมูลสารสนเทศการศึกษาที่มีข้อมูลเชื่อมกันทั้งหมดจะช่วยให้ส่งผลต่อการวิเคราะห์และตัดสินใจในการดำเนินนโยบายทางการศึกษาในอนาคตด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ที่ทาง สกศ. เองต้องนำไปพูดคุยกับคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ต่อไป
ดร.สุภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับวาระที่ 2 กรรมการในที่ประชุมได้ให้ความเห็นถึงการดำเนินงานแผนงานโครงการตามบทบาทภารกิจของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 แต่เนื่องจากตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ…. สกศ.ต้องเปลี่ยนผ่านไปสู่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ทาง สกศ. จึงได้เปรียบเทียบให้เห็นลักษณะโครงการและโครงงานสำหรับการเสนอแผนปี 2563 อะไรที่สอดคล้องกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติบ้าง
“อันหนึ่งที่เป็นช่องว่างใหญ่ คือ งานด้านอาชีวศึกษา จากแผนงานโครงการตามบทบาทภารกิจของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ยังขาดโครงการที่เป็นงบประมาณโครงการเกี่ยวกับอาชีวะ ซึ่งจุดนี้จะนำไปดำเนินการแก้ไขและเพิ่มเติมต่อไป เพื่อให้แผนงานมีความครอบคลุม ” ดร.สุภัทร กล่าว
