น.ร.เฮ!! กสศ.ประกาศชื่อ 2 พัน น.ร.ทุนนวัตกรรมสายอาชีพ

นางสาวธันว์ธิดา วงศ์ประสงค์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมความร่วมมือนวัตกรรมและทุนการศึกษา กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยว่า กสศ.ได้ประกาศรายชื่อนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงรวมทั้งสิ้น 2,107 คน โดยแบ่งเป็นทุน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ต่อเนื่อง ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จำนวน 947 คน ทุน ปวส.จำนวน 1,160 คน เป็นรายชื่อที่ร่วมกับสถานศึกษาสายอาชีพ 36 แห่ง ใน 26 จังหวัดจากทุกภูมิภาคที่ผ่านการคัดกรองความยากจน และกระบวนการคัดเลือกโอกาส ผ่านระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาหรือ iSEE จากที่มียอดผู้สมัครรวมทั้งสิ้น 2,442 คน จาก 69 จังหวัด โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อนักเรียนที่ได้รับทุนได้ที่ www.eef.or.th

นางสาวธันว์ธิดากล่าวต่อว่า ทุนนี้มุ่งสร้างโอกาสทางศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีฐานะยากจน 20% ล่างสุดของประเทศ และส่งเสริมให้เรียนต่อสายอาชีพชั้นสูง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 นักเรียนทุนจะมีโอกาสได้เข้าศึกษาในสาขาที่ได้มีการพิจารณาแล้ว ว่าเป็นสาขาที่ตอบโจทย์ความต้องการตลาดแรงงานระดับประเทศและท้องถิ่นกว่า 40 สาขา เช่น โลจิสติกส์ เมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ เกษตรนวัตกรรม เทคโนโลยีการอาหาร โดยได้จัดงบประมาณเป็นค่าเทอมในอัตราประหยัดและค่าใช้จ่ายส่วนตัวตลอดปีการศึกษา ระดับ ปวช. จำนวน 6,500 บาทต่อเดือน และ ปวส. จำนวน 7,500 บาทต่อเดือน รวมถึงส่งเสริมโอกาสการมีงานทำของนักศึกษาผู้รับทุนร่วมกับสถานประกอบการ หากปีนี้โครงการประสบความสำเร็จด้วยดี ปีการศึกษา 2563 กสศ. ตั้งเป้าหมายงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลจะเพิ่มโอกาสให้นักเรียนทุนเป็น 3,000 คน

ด้านนายสุทิน แก้วพนา กรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า นอกเหนือจากการช่วยเหลือด้านเงินทุนแล้วทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องร่วมกันหามาตรการช่วยเหลือเด็กนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษให้เรียนจบหลักสูตร เนื่องจากนักเรียนที่มาจากครอบครัวยากจนเป็นกลุ่มที่ออกจากการเรียนกลางคันมากที่สุด เด็กกลุ่มนี้เคยอยู่ในพื้นที่ซึ่งขาดโอกาส เมื่อต้องย้ายไปอยู่ในสถานศึกษาที่อยู่ในเมือง จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ทั้งด้านการเรียน และทักษะชีวิต จึงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการจัดสวัสดิการ อาหาร ที่พัก ที่เหมาะสม นอกจากนี้สถานศึกษาควรหาวิธีเชื่อมโยงครอบครัวกับนักเรียนที่ได้รับทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นแรงเสริมช่วยให้เด็กปรับตัวได้ในปีแรก และสามารถเรียนได้อย่างมีความสุข

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image