‘สุเทพ’ จ่อเลิก ‘คูปองครู’ ขอฟังเขตพื้นที่ฯ สะท้อนปัญหา ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องศึกษารอบคอบ เร่งทบทวน ‘ร.ร.คุณภาพประจำตำบล’ หลังโรงเรียนดังโวยถูกลดเกรด
เเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาปทุมธานี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมสัมมนาผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ครั้งที่ 1/2562 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อมอบนโยบาย “การขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน” ว่า ตนไม่คาดฝันมาก่อนว่าจะได้มาดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ กพฐ. ซึ่งขณะนี้เหลือระยะเวลาทำงาน 4 เดือน ก่อนที่ตนจะเกษียณอายุราชการ แม้จะเป็นระยะเวลาที่น้อย แต่สำหรับตนถือว่ายังมีเวลาทำงานอีกมาก หลายอย่างที่นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) อดีตเลขาธิการ กพฐ. ทำไว้ดีตนจะต่อยอด นอกจากนี้ตนได้หารือร่วมกับ นายบุญรักษ์ จากนี้ไป สพฐ.และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)จะทำงานประสานเชื่อมโยงกันมากขึ้น เพราะการศึกษาอาชีวะจะก้าวหน้าหรือไม่ขึ้นกับ สพฐ.เป็นสำคัญด้วย
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนการทำงานต่อไปนี้ตนไม่อยากจะสั่งท็อปดาวน์มากเกินไป แต่อยากให้ สพท.เสนอขึ้นมาส่วนกลาง มาที่ตนว่าอยากทำอะไร อยากให้สนับสนุนอะไร เพราะจากประสบการณ์ที่ตนเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา มานานเกือบ 20 ปี ทราบว่าเขตพื้นที่ฯ เป็นคีย์แมนสำคัญที่สุดในการพัฒนาการศึกษา และควบคุมบริหารจัดการ ดังนั้นนโยบายต่างๆ ต่อไปจะรับฟังจากเขตพื้นที่ฯ ผู้อำนวยการโรงเรียน และโรงเรียนเป็นสำคัญ
“ซึ่งการประชุมวันนี้อยากให้ผู้อำนวยการ สพท.แต่ละเขต บอกเล่าสภาพการดำเนินงาน และปัญหาในการจัดการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับนักเรียน การอบรมครูผ่านโครงการพัฒนาครูรูปแบบครบวงจร หรือ คูปองพัฒนาครู หรือเรื่องบิ๊กดาต้า เป็นต้น เพื่อให้สพฐ. ปรับปรุงสิ่งต่างๆ สู่การปฏิบัติที่เหมาะสม ขอเน้นย้ำให้ผู้อำนวยการ สพท.ต้องรับผิดชอบต่อการศึกษาของประเทศชาติ ไม่ว่ารัฐบาลไหนจะเข้ามา นโยบายต่างๆ ไม่พ้นในที่เราได้ทำมาคือทำตามแผนยุทธศาสตร์ของชาติทั้งหมดอยู่แล้ว” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ตนต้องการให้ สพท.เปิดรับความร่วมมือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา เข้ามาช่วยพัฒนาการศึกษา รวมทั้งสานต่อโครงการต่างๆ ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และนโยบายของรัฐบาลที่มอบให้ สพฐ.ดำเนินการ จากที่ตนตรวจสอบมีนโยบายที่รัฐบาลมอบให้มีไม่น้อยกว่า 50 เรื่อง มีนโยบายทั้งระยะสั้น ระยะยาว โดยนโยบายเร่งด่วนอย่างหนึ่งคือ โครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล (1 ตำบล 1 โรงเรียนคุณภาพ) จากที่ตนลงพื้นที่ได้รับข้อร้องเรียนว่ามีโรงเรียนประจำจังหวัด ประจำอำเภอบางแห่งมีมาตรฐาน คุณภาพระดับประเทศแต่ได้รับคัดเลือกให้ประกาศเป็นโรงเรียนดีประจำตำบล ทำให้โรงเรียนรู้สึกไม่สบายใจเหมือนถูกลดเกรดลงจึงอยากให้มีการทบทวนการดำเนินการใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง จุดนี้ตนจะไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง
“นอกจากนี้โรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School) เป็นโรงเรียนที่ดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนา จะสานต่อและส่งเสริมให้ดียิ่งขึ้น โดยทำเป็นป่าล้อมเมือง คือให้โรงเรียนปรับกระบวนทัศน์เรื่องการมีส่วนร่วม จะรอให้ภาคเอกชนเข้ามาหาโรงเรียนอย่างเดิมอีกไม่ได้แล้ว ต่อไปผู้อำนวยการ สพท.ต้องเข้าไปหาเอกชนให้พื้นที่ เพื่อมาร่วมสนับสนุนพัฒนาโรงเรียน นำร่องให้ได้อย่างน้อยเขตพื้นที่ฯ ละ 5 โรงเรียน จากเดิมมีอยู่กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ และเพราะทรัพยากรเรามีน้อยมาก การพัฒนาเพื่อมุ่งหวังเงินจากรัฐบาลอย่างเดียวนั้นอาจจะไม่เกิดความสำเร็จ ความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เท่านั้นที่จะทำให้การศึกษาขั้นพื้นฐานมีความสำเร็จ” นายสุเทพกล่าว
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า เรื่องที่ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันขับเคลื่อน คือ การส่งเสริมให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ตามเกณฑ์ของแต่ละระดับการศึกษา ต้องเห็นผลรูปธรรมภายใน 2 เดือน ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ตนเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระองค์ทรงให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก โดยในวันที่ 29 กรกฎาคมซึ่งตรงกับวันภาษาไทยแห่งชาติ สพฐ.จะจัดงานเพื่อสรุปบทเรียนและจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เด็กใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
“ส่วนโครงการคูปองครู นั้นมองว่าโครงการนี้โดยหลักการเป็นเรื่องที่ดี แต่ในทางปฏิบัติยังมีปัญหาอยู่บ้าง ซึ่งก็มีเสียงสะท้อนมามาก ส่วนจะยกเลิกหรือไม่นั้น ผมขอฟังความเห็นจากเขตพื้นที่ฯ ว่าที่ผ่านมาประสบปัญหาอะไรบ้าง หรือมีข้อเสนอแนะอย่างไรเพื่อเป็นแนวทางทำงานในอนาคต เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เนื่องจากมีภาคเอกชนเป็นผู้ออกแบบหลักสูตรด้วย การที่จะตัดสินใจทำอะไรต้องศึกษาให้ละเอียดและรอบคอบ” นายสุเทพ กล่าว
